Small irrigation system for high landscape rice terrace in the North of Thailand (Ms.Sasirin Srisomkiew)

Small irrigation system for high landscape rice terrace in the North of Thailand (ไทย)

Check dam for high landscape rice terrace

คำอธิบาย

management of small irrigation system for high landscape of rice terrace in Northern part of Thailand

Water supply system in the high landscape rice terrace at the Mae La Noi Royal Project Development Center located at Moo 5, Ban Dong Village, Huai Hom Sub-District, Mae La Noi District and Mae Hong Sorn Province. Topography is slop complex in mountainous terrain with high slope. The height of the sea level is 994 - 1,100 meters. The main river is Mae La Noi. The climate is cool all year round. The annual average temperature is 25 degrees Celsius, maximum temperature is 37 degrees Celsius in April, and minimum temperature is 8 degrees Celsius during December. The annual average rainfall is 1,500 mm. which starts from June to October. The majority of the population is 147 households and total population is 763 people, where separated as 389 males and 374 females (Mae La Noi Royal Project Development Center, 2561).
Water distribution system in high landscape rice terrace by farmers in the village, and the important matter of technology is that it is suitable for highland sloping agriculture, with slopes range from 5-60 degree. It is based on the principles of water management in the area by diversion of water from natural watersheds in the upstream to their agricultural land with regulation of village community consensus. The steps of preparation are as follows.
1. Site selection: rice terrace should be in suitable slope and not more than 60 degree because it is difficult to excavate the slope and area of rice fields are narrow. And water supply system should be accessed to the rice terrace.
2. Reshaving and leveling the slope: The slope for rice terrace should be reshave and level by man power or mechanical means. Almost villagers will do by theself, also restore and maintain their terrace. The terraces can extend up to 50 meters long, with 1 meter wide and 50 centimeters deep, depending on the area where it can be adjusted. The leveling of soil surface in the plot is done by draining water into that plots and adjust soil surface till level is constant.
3. Soil improvement: Generally, soil structure and fertility in plots is very low because of reshaving and leveling. So it is necessary to restore and improve by application of organic matter, compost, animal manure or legumes, soil pH must be adjusted, and more nutrients such as phosphorus and potassium should be added based on soil analysis.
4. Rice cultivation: In the first years of cultivation, the terraces may not store water in the desire level, so they planted rice in the small hole. Normally, they planted stalk with 20 x 20 cm in length, and about 3 to 5 seedlings per planted.
5. Fertilizer application: In this high landscape area should focus on organic fertilizer to reduce costs, where it can locally find and produce by themselves, such as animal manure and compost
6. Water supply system: Distribution of water to the rice terrace was managed by small dam or weir to lean suitable amount of water to small canal and directly distribute to rice terrace. These drainage system will spread water to all land users in this area, where they has sufficient water for farming throughout the year.
7. Disease and insect control: Most of rice variety is native rice with high resistance, where some currently outbreaks of disease and insect must be protected according to instructions. Submerged condition in paddy field can control weed problem, and labor also need. After planting, weeds must be removed at least 2 times at 20-25 days and 40-45 days after germination.
8. Maintenance: Small dam or weir, small drainage canal and terrace in water supply technology in the highland necessary to restore and maintain twice a year, before and after harvesting.

สถานที่

สถานที่: ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย, แม่ฮ่องสอน, ไทย

ตำนวนการวิเคราะห์เทคโนโลยี: 100-1,000 แห่ง

ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ที่ถูกเลือ
  • 97.96416, 19.32533

การเผยแพร่ของเทคโนโลยี: ใช้ ณ จุดที่เฉพาะเจาะจงหรือเน้นไปยังบริเวณพื้นที่ขนาดเล็ก

วันที่ในการดำเนินการ: มากกว่า 50 ปี (แบบดั้งเดิม)

ประเภทของการแนะนำ
source of water in small watershed (Ms.Sasirin Srisomkiew)
small canal for water supply to the rice terrace (Ms.Sasirin Srisomkiew)

การจำแนกประเภทเทคโนโลยี

จุดประสงค์หลัก
  • ปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น
  • ลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • อนุรักษ์ระบบนิเวศน์
  • ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ โดยร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ
  • รักษาสภาพหรือปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ
  • ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก สภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและผลกระทบ
  • ชะลอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกและผลกระทบ
  • สร้างผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์
  • สร้างผลกระทบทางด้านสังคมที่เป็นประโยชน์
การใช้ที่ดิน

  • พื้นที่ปลูกพืช - การปลูกพืชล้มลุกอายุปีเดียว
    พืชหลัก (พืชเศรษฐกิจและพืชอาหาร): ปลูกข้าว+ปลูกผักหลังการทำน ข้าวไร่และพืชผักโครงการหลวง เช่น พริก เกรปเบอรี่ กะหล่ำปี เป็นต้น
  • ทางน้ำ แหล่งน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ - ทางระบายน้ำ ทางน้ำ
    ผลิตภัณฑ์หลักหรือบริการ: ระบบส่งน้ำแบบฝายคันดิน

การใช้น้ำ
  • จากน้ำฝน
  • น้ำฝนร่วมกับการชลประทาน
  • การชลประทานแบบเต็มรูปแบบ

จำนวนของฤดูปลูกต่อปี: 3
การใช้ที่ดินก่อนการดำเนินการโดยเทคโนโลยี: ในอดีตชาวบ้านได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และตัดไม้ทำลายป่าบนพื้นที่สูงเพื่อใช้ทำไร่เลื่อนลอยขยายพื้นที่เพาะปลูกเข้าไปในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ส่งผลให้พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายและดินเกิดความเสื่อมโทรม ชาวบ้านอยู่อย่างแล้งแค้น แต่เนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงนำโครงการหลวงมาส่งเสริมและให้ความรู้แก่เกษตรกรการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ร่วมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน น้ำ และป่าไม้ ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ความหนาแน่นของปศุสัตว์: -

ความมุ่งหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ป้องกันความเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ลดความเสื่อมโทรมของดิน
  • ฟื้นฟูบำบัดที่ดินที่เสื่อมโทรมลงอย่างมาก
  • ปรับตัวกับสภาพความเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ไม่สามารถใช้ได้
ที่อยู่ของการเสื่อมโทรม
  • การกัดกร่อนของดินโดยน้ำ -
กลุ่ม SLM
  • มาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure)
  • การผันน้ำและการระบายน้ำ
มาตรการ SLM
  • มาตรการอนุรักษ์ด้วยโครงสร้าง - S1: คันดิน
  • มาตรการอนุรักษ์ด้วยการจัดการ - M7: อื่นๆ

แบบแปลนทางเทคนิค

ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิค
ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิคและการอธิบายแบบแปลนทางเทคนิค
.............ระบบส่งน้ำแบบฝายคันดินในนาขั้นบันไดของเกษตรกรที่บ้านดง มีลักษณะองค์ประกอบที่สำคัญของเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยีนี้จะเหมาะสมกับการทำการเกษตรบนพื้นที่สูงที่มีความชันมาก ส่วนใหญ่มักมีความลาดชันตั้งแต่ 5-60 องศา ซึ่งอาศัยหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยการผันน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติมาใช้ภายในพื้นที่การเกษตรของตนเอง ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูกและยังช่วยชะลอการพังทลายของหน้าดินได้เป็นอย่างดี โดยมีขั้นตอนและวิธีการที่สำคัญ คือ
1. การคัดเลือกพื้นที่ เลือกพื้นที่ที่ไม่มีความลาดชันมากนัก เนื่องจากการขุดปรับพื้นที่ทำได้ค่อนข้างยากและจะได้พื้นที่ปลูกข้าวในกระทงนาที่แคบ การทำงานได้ไม่สะดวก และควรเลือกพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถทำระบบส่งน้ำมายังแปลงนาได้
2. การขุดปรับพื้นที่นาขั้นบันได การขุดปรับพื้นที่นาขั้นบันไดสามารถทำได้โดยใช้แรงงานคนหรือใช้เครื่องจักรกล ในบางพื้นที่อาจมีข้อจำกัดในการใช้เครื่องจักรกลเนื่องจากไม่มีถนนเข้าสู่พื้นที่ การใช้แรงงานคนเป็นวิธีการที่เหมาะสมในหลายพื้นที่และง่ายต่อการบำรุงรักษาเมื่อเกิดการชำรุด ปรับพื้นที่นาสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
2.1 การขุดดินจากล่างขึ้นบน เป็นการขุดดินจากขอบแปลงด้านล่างขึ้นไปทำเป็นคันนาเหนือจุดที่ขุดดิน พร้อมทั้งปรับแปลงให้มีความสม่ำเสมอ การขุดปรับพื้นที่นาแบบนี้มีข้อดีคือโครงสร้างของดินในแปลงนาจะถูกรบกวนน้อย หน้าดินจะไม่ถูกเคลื่อนย้ายจึงทำให้ยังรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินเดิมไว้ได้ สามารถทำให้น้ำขังในแปลงนาได้เร็วขึ้น
2.2 การขุดดินจากบนลงล่าง เป็นการขุดดินจากส่วนบนของแปลงที่สูงกว่ามาถมส่วนล่างของแปลงที่ต่ำกว่าเพื่อปรับให้แปลงนามีความสม่ำเสมอ การขุดปรับพื้นที่นาวิธีนี้ทำได้ง่ายเกษตรกรส่วนใหญ่คุ้นเคยและสามารถใช้เครื่องจักรกลได้ แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ หน้าดินส่วนบนของแปลงนาจะถูกตัดออกไปเหลือแต่ดินชั้นล่างความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ จึงทำให้การเจริญเติบโตของข้าวในระยะแรกไม่ค่อยดี ส่วนหน้าดินที่ตัดออกไปจะถูกนำไปถมในส่วนล่างของแปลงนาและปรับเป็นคันนา จึงทำให้ข้าวที่ปลูกในพื้นที่ส่วนล่างเจริญเติบโตได้ดีกว่า การแก้ปัญหาโดยการขุดเอาดินชั้นบนของกระทงนาที่อยู่เหนือขึ้นไปนำไปใส่แปลงนาที่อยู่ด้านล่างปรับระดับให้สม่ำเสมอ การปรับพื้นที่ในแปลงนาให้สม่ำเสมอทำได้โดยการปล่อยน้ำเข้าในแปลงแล้วปรับพื้นที่ให้น้ำท่วมพื้นที่ในแปลงให้สม่ำเสมอกัน หรือถ้าไม่สามารถปล่อยน้ำเข้าแปลงได้ก็ใช้การสังเกตและค่อยๆปรับระดับให้สม่ำเสมอ โดยฝายคันดินในนาขั้นบันไดในพื้นที่สูงจะมีความยาว 50 เมตร กว้าง 1 เมตร และความลึก 50 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ซึ่งสามรถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
3. การปรับปรุงบำรุงดิน ฝายคันดินและนาขั้นบันไดหลังจากปรับพื้นที่เสร็จใหม่ๆความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงจะไม่สม่ำเสมอ โครงสร้างของดินยังไม่เหมาะสมในการทำนา ดังนั้นจะต้องปรับปรุงบำรุงดินโดยการเพิ่มอินทรียวัตถุ โดยการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือการปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด นอกจากนี้จะต้องมีการปรับสภาพความเป็นกรดด่างของดิน และเพิ่มเติมธาตุอาหาร เช่น ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ตามค่าการวิเคราะห์ดิน
4. การปลูกข้าว ในปีแรกๆ ของการขุดปรับพื้นที่เป็นนาขั้นบันได บางพื้นที่ไม่สามารถขังน้ำได้จึงต้องปลูกข้าวไร่โดยการหยอดเป็นหลุม แต่ในพื้นที่ที่สามารถปรับและขังน้ำได้ก็สามารถปลูกข้าวโดยวิธีปักดำ แต่ควรใช้ระยะปักดำให้ถี่ขึ้นเนื่องจากข้าวจะแตกกอน้อย โดยอาจใช้ระยะปักดำ 20 x 20 เซนติเมตร จำนวนกล้า 3 - 5 ต้นต่อจับ
5. การใส่ปุ๋ย นาขั้นบันไดบนพื้นที่สูงควรเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรโดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งสามารถหาได้ในท้องถิ่น หรือเกษตรกรสามารถผลิตเองได้ เช่น ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด เป็นต้น ในกรณีที่ไม่เพียงพออาจใช้ปุ๋ยเคมีเสริมเท่าที่จำเป็น
6. การให้น้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำไม่เพียงพอ และกระจายน้ำให้กับเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน (ระบบเหมืองฝายในนาขั้นบันได) ช่วยทำให้การทำนาและการปลูกพืชผักหลังการทำนามีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีน้ำเพียงพอต่อการทำการเกษตรตลอดทั้งปี
7. การป้องกันกำจัดโรคและแมลง ข้าวนาขั้นบันไดส่วนมากใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่มีความต้านทานต่อโรคในท้องถิ่น แต่ปัจจุบันมีการระบาดของแมลงบางชนิด ได้แก่ เพลี้ยอ่อนในดิน เพลี้ยกระโดดหลังขาว และแมลงบั่ว ซึ่งจะต้องมีการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูต่างๆ ตามคำแนะนำ และเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ด้วย
8. การควบคุมวัชพืช การขังน้ำในแปลงนาสามารถลดปัญหาวัชพืชได้ ถ้าถ้ายังมีวัชพืชก็ใช้แรงงานคนถอน แต่ในแปลงนาที่ไม่สามารถขังน้ำได้วัชพืชเป็นปัญหาสำคัญในการปลูกข้าว ดังนั้นการเตรียมดินโดยการไถพรวน การขุดพรวนดินในระยะแรกของการเตรียมดินจะช่วยลดปัญหาวัชพืช แต่หลังจากปลูกข้าวแล้วจะต้องกำจัดวัชพืชอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกหลังข้าวงอก 20 – 25 วัน และอีกครั้งหนึ่งหลังข้าวงอก 40- 45 วัน
9. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีระบบส่งน้ำแบบฝายคันดินในนาขั้นบันไดบนพื้นที่สูง เกษตรกรจะทำการช่อมแซมคันดินและขุดลอกฝายส่งน้ำจากแหล่งต้นน้ำธรรมชาติที่เชื่อมมายังพื้นที่การเกษตรของตนเองปีละ 2 ครั้ง คือ ก่อนที่จะทำการเพาะปลูกข้าวและหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวหรือก่อนจะเปลี่ยนพืชปลูกหลังจากการทำนา

การจัดตั้งและการบำรุงรักษา: กิจกรรม ปัจจัยและค่าใช้จ่าย

การคำนวนต้นทุนและค่าใช้จ่าย
  • ค่าใช้จ่ายถูกคำนวน ต่อพื้นที่ที่ใช้เทคโนโลยี (หน่วยของขนาดและพื้นที่: 0.48 hectare for each farmer)
  • สกุลเงินที่ใช้คำนวณค่าใช้จ่าย Baht (THB)
  • อัตราแลกเปลี่ยน (ไปเป็นดอลลาร์สหรัฐ) คือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 32.0 Baht (THB)
  • ค่าจ้างเฉลี่ยในการจ้างแรงงานต่อวันคือ 300
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ คือปัจจัยแรงงาน เพราะเกษตรกรจำเป็นต้องจ้างแรงงานในการเพาะปลูก เช่น การทำฝาย การปลูก การดูแล ใส่ปุ๋ย และการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งในการขุดและปรับพื้นที่ในนาขั้นบันไดสามารถทำได้โดยใช้แรงงนคน หรือใช้เครื่องจักรกล แต่ในบางพื้นที่อาจมีข้อจำกัดในการใช้เครื่องจักรกลเนื่องจากไม่มีถนนเข้าสู่พื้นที่
กิจกรรมเพื่อการจัดตั้ง
  1. การขุดคลองขนาดเล็กเพื่อทำระบบส่งน้ำมายัง พื้นที่เพาะปลูก (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ปีแรกของการปลูก)
  2. การขุดปรับพื้นที่และทำฝายคันดินในนาขั้นบันได (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ปีแรกของการปลูก)
  3. การไถนาและการเตรียมดินเพื่อการเพาะปลูก (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ก่อนฤดูฝน)
  4. การปรับปรุงบำรุงดิน (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: หลังจากปรับพื้นที่)
  5. การปลูก (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงฤดูฝน)
  6. การใส่ปุ๋ย (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงการปลูก)
  7. การให้น้ำ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงการปลูก)
  8. การป้องกันกำจัดโรคและแมลง (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงการปลูก)
  9. การควบคุมวัชพืช (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงการปลูก)
  10. การเก็บเกี่ยว (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต)
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการจัดตั้ง (per 0.48 hectare for each farmer)
ปัจจัยนำเข้า หน่วย ปริมาณ ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (Baht (THB)) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (Baht (THB)) %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน
แรงงาน
ทำฝาย 10 วัน man/day 70.0 300.0 21000.0 100.0
ช่วงปลูก1วัน man 7.0 300.0 2100.0 100.0
ช่วงดูแล20ครั้ง man 40.0 300.0 12000.0 100.0
ช่วงเก็บเกี่ยว20ครั้ง man 140.0 300.0 42000.0 100.0
อุปกรณ์
tractor คัน 1.0 3000.0 3000.0 100.0
น้ำมันเครื่อง ลิตร 20.0 30.0 600.0 100.0
วัสดุด้านพืช
เมล็ดพันธุ์ข้าว ถัง 3.0 100.0 300.0 100.0
เมล็ดพันธุ์พริก ต้น 5000.0 2.0 10000.0 100.0
ปุ๋ยและสารฆ่า/ยับยั้งการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต (ไบโอไซด์)
ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ถุง 3.0 400.0 1200.0 100.0
ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ถุง 3.0 700.0 2100.0 100.0
ปุ๋ยสูตร 16-20-0 ถุง 3.0 600.0 1800.0 100.0
ปุ๋ยคอก ถุง 10.0 200.0 2000.0 100.0
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการจัดตั้งเทคโนโลยี 98'100.0
กิจกรรมสำหรับการบำรุงรักษา
  1. การซ่อมแซมฝายคันดินและขุดลอกคลองส่งน้ำ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ปีละ 2 ครั้ง ก่อนการปลูกพืชรอบถัดไป)
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการบำรุงรักษา (per 0.48 hectare for each farmer)
ปัจจัยนำเข้า หน่วย ปริมาณ ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (Baht (THB)) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (Baht (THB)) %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน
แรงงาน
ซ่อมฝาย 2 วัน man 6.0 300.0 1800.0 100.0
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการบำรุงรักษาสภาพเทคโนโลยี 1'800.0

สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี
  • < 250 ม.ม.
  • 251-500 ม.ม.
  • 501-750 ม.ม.
  • 751-1,000 ม.ม.
  • 1,001-1,500 ม.ม.
  • 1,501-2,000 ม.ม.
  • 2,001-3,000 ม.ม.
  • 3,001-4,000 ม.ม.
  • > 4,000 ม.ม.
เขตภูมิอากาศเกษตร
  • ชื้น
  • กึ่งชุ่มชื้น
  • กึ่งแห้งแล้ง
  • แห้งแล้ง
ข้อมูลจำเพาะเรื่องภูมิอากาศ
ปริมาณเฉลี่ยฝนรายปีในหน่วยมม. 1500.0
ฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนมิถุนายน – เดือนตุลาคม
ในกรณีที่ฝนตกเยอะเกินไปที่สถานี้ตรวจวัดจะมีสัญญาณเตือนแจ้งไปที่ศูนย์กรุงเทพฯ จากนั้นกรุงเทพฯจะแจ้งผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านจะแจ้งลูกบ้านให้ทราบต่อไป
ความชัน
  • ราบเรียบ (0-2%)
  • ลาดที่ไม่ชัน (3-5%)
  • ปานกลาง (6-10%)
  • เป็นลูกคลื่น (11-15%)
  • เป็นเนิน (16-30%)
  • ชัน (31-60%)
  • ชันมาก (>60%)
ภูมิลักษณ์
  • ที่ราบสูง/ที่ราบ
  • สันเขา
  • ไหล่เขา
  • ไหล่เนินเขา
  • ตีนเนิน
  • หุบเขา
ความสูง
  • 0-100 เมตร
  • 101-500 เมตร
  • 501-1,000 เมตร
  • 1,001-1,500 เมตร
  • 1,501-2,000 เมตร
  • 2,001-2,500 เมตร
  • 2,501-3,000 เมตร
  • 3,001-4,000 เมตร
  • > 4,000 เมตร
เทคโนโลยีถูกประยุกต์ใช้ใน
  • บริเวณสันเขา (convex situations)
  • บริเวณแอ่งบนที่ราบ (concave situations)
  • ไม่เกี่ยวข้อง
ความลึกของดิน
  • ตื้นมาก (0-20 ซ.ม.)
  • ตื้น (21-50 ซ.ม.)
  • ลึกปานกลาง (51-80 ซ.ม.)
  • ลึก (81-120 ซ.ม.)
  • ลึกมาก (>120 ซ.ม.)
เนื้อดิน (ดินชั้นบน)
  • หยาบ/เบา (ดินทราย)
  • ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
  • ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
เนื้อดิน (> 20 ซม. ต่ำกว่าพื้นผิว)
  • หยาบ/เบา (ดินทราย)
  • ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
  • ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
สารอินทรียวัตถุในดิน
  • สูง (>3%)
  • ปานกลาง (1-3%)
  • ต่ำ (<1%)
น้ำบาดาล
  • ที่ผิวดิน
  • <5 เมตร
  • 5-50 เมตร
  • > 50 เมตร
ระดับน้ำบาดาลที่ผิวดิน
  • เกินพอ
  • ดี
  • ปานกลาง
  • ไม่ดีหรือไม่มีเลย
คุณภาพน้ำ (ยังไม่ได้รับการบำบัด)
  • เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ดี
  • เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ไม่ดี (จำเป็นต้องได้รับการบำบัด)
  • เป็นน้ำใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น (การชลประทาน)
  • ใช้ประโยชน์ไม่ได้
ความเค็มของน้ำเป็นปัญหาหรือไม่?
  • ใช่
  • ไม่ใช่

การเกิดน้ำท่วม
  • ใช่
  • ไม่ใช่
ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์
  • สูง
  • ปานกลาง
  • ต่ำ
ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่
  • สูง
  • ปานกลาง
  • ต่ำ

ลักษณะเฉพาะของผู้ใช้ที่ดินที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

เป้าหมายทางการตลาด
  • เพื่อการยังชีพ (หาเลี้ยงตนเอง)
  • ผสม (การเลี้ยงชีพ/ทำการค้า)
  • ทำการค้า/การตลาด
รายได้จากภายนอกฟาร์ม
  • < 10% ของรายได้ทั้งหมด
  • 10-50% ของรายได้ทั้งหมด
  • > 50% ของรายได้ทั้งหมด
ระดับของความมั่งคั่งโดยเปรียบเทียบ
  • ยากจนมาก
  • จน
  • พอมีพอกิน
  • รวย
  • รวยมาก
ระดับของการใช้เครื่องจักรกล
  • งานที่ใช้แรงกาย
  • การใช้กำลังจากสัตว์
  • การใช้เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์
อยู่กับที่หรือเร่ร่อน
  • อยู่กับที่
  • กึ่งเร่ร่อน
  • เร่ร่อน
เป็นรายบุคคลหรือกลุ่ม
  • เป็นรายบุคคล/ครัวเรือน
  • กลุ่ม/ชุมชน
  • สหกรณ์
  • ลูกจ้าง (บริษัท รัฐบาล)
เพศ
  • หญิง
  • ชาย
อายุ
  • เด็ก
  • ผู้เยาว์
  • วัยกลางคน
  • ผู้สูงอายุ
พื้นที่ที่ใช้ต่อครัวเรือน
  • < 0.5 เฮกตาร์
  • 0.5-1 เฮกตาร์
  • 1-2 เฮกตาร์
  • 2-5 เฮกตาร์
  • 5-15 เฮกตาร์
  • 15-50 เฮกตาร์
  • 50-100 เฮกตาร์
  • 100-500 เฮกตาร์
  • 500-1,000 เฮกตาร์
  • 1,000-10,000 เฮกตาร์
  • >10,000 เฮกตาร์
ขนาด
  • ขนาดเล็ก
  • ขนาดกลาง
  • ขนาดใหญ่
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
  • รัฐ
  • บริษัท
  • เป็นแบบชุมชนหรือหมู่บ้าน
  • กลุ่ม
  • รายบุคคล ไม่ได้รับสิทธิครอบครอง
  • รายบุคคล ได้รับสิทธิครอบครอง
สิทธิในการใช้ที่ดิน
  • เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
  • เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
  • เช่า
  • รายบุคคล
สิทธิในการใช้น้ำ
  • เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
  • เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
  • เช่า
  • รายบุคคล
เข้าถึงการบริการและโครงสร้างพื้นฐาน
การจ้างงาน (เช่น ภายนอกฟาร์ม)

จน
ดี
พลังงาน

จน
ดี
หนี้ ธกส. และสหกรณ์ เป็นหนี้จากการส่งลูกเรียน

จน
ดี

ผลกระทบ

ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
การผลิตพืชผล
ลดลง
เพิ่มขึ้น

คุณภาพพืชผล
ลดลง
เพิ่มขึ้น

การมีน้ำดื่มไว้ให้ใช้
ลดลง
เพิ่มขึ้น

คุณภาพน้ำดื่ม
ลดลง
เพิ่มขึ้น

การมีน้ำไว้ให้สำหรับการชลประทาน
ลดลง
เพิ่มขึ้น

คุณภาพน้ำสำหรับการชลประทาน
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ค่าใช่จ่ายของปัจจัยการผลิตทางการเกษตร
เพิ่มขึ้น
ลดลง

ภาระงาน
เพิ่มขึ้น
ลดลง

ผลกระทบด้านสังคมและวัฒนธรรม
ความมั่นคงด้านอาหาร / พึ่งตนเองได้
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

สถานการณ์ด้านสุขภาพ
แย่ลง
ปรับปรุงดีขึ้น

การใช้ที่ดิน / สิทธิในการใช้น้ำ
แย่ลง
ปรับปรุงดีขึ้น

โอกาสทางวัฒนธรรม (ด้านจิตวิญญาณ ทางศาสนา ด้านสุนทรียภาพ)
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

โอกาสทางด้านสันทนาการ
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

สถาบันของชุมชน
อ่อนแอลง
เสริมให้แข็งแรง

SLM หรือความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
ปริมาณน้ำ
ลดลง
เพิ่มขึ้น

คุณภาพน้ำ
ลดลง
เพิ่มขึ้น

การเก็บเกี่ยวหรือการกักเก็บน้ำ (น้ำค้างหิมะ)
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

น้ำไหลบ่าที่ผิวดิน
เพิ่มขึ้น
ลดลง

การระบายน้ำส่วนเกิน
ลดลง
ปรับปรุงดีขึ้น

น้ำบาดาลหรือระดับน้ำในแอ่งน้ำบาดาล
ต่ำลง
ซึมลงเติม

การสูญเสียดิน
เพิ่มขึ้น
ลดลง

การสะสมของดิน
ลดลง
เพิ่มขึ้น

อินทรียวัตถุในดิน/ต่ำกว่าดินชั้น C
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ความเป็นกรด
เพิ่มขึ้น
ลดลง

มวลชีวภาพ/เหนือดินชั้น C
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ความหลากหลายทางชีวภาพของพืช
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ชนิดพันธุ์ที่ให้ประโยชน์ (ผู้ล่า ไส้เดือนดิน แมลงผสมเกสร)
ลดลง
เพิ่มขึ้น

ผลกระทบจากน้ำท่วม
เพิ่มขึ้น
ลดลง

ผลกระทบจากภัยแล้ง
เพิ่มขึ้น
ลดลง

การปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก
เพิ่มขึ้น
ลดลง

ผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการ
น้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ (น้ำบาดาล น้ำพุ)
ลดลง
เพิ่มขึ้น

การไหลของน้ำคงที่และสม่ำเสมอในช่วงฤดูแล้ง(รวมถึงการไหลน้อย)
ลดลง
เพิ่มขึ้น

น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ (ที่ไม่เป็นที่ต้องการ)
เพิ่มขึ้น
ลดลง

การทับถมของดินตะกอนพื้นที่ท้ายน้ำ
เพิ่มขึ้น
ลดลง

การเกิดมลพิษในน้ำบาดาลหรือแม่น้ำ
เพิ่มขึ้น
ลดลง

ผลกระทบของก๊าซเรือนกระจก
เพิ่มขึ้น
ลดลง


การทำระบบส่งน้ำแบบฝายคันดินในนาขั้นบันไดบนพื้นที่สูงของชาวบ้านดง มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความยาวและระดับของความลาดเท ช่วยลดการไหลบ่าของน้ำและควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน และสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตร และการสะสมของตะกอนดินจากต้นน้ำจะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน

รายได้และค่าใช้จ่าย

ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่าย
ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก

ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ค่อยเป็นค่อยไป
อุณหภูมิประจำปี

ไม่ดี
ดีมาก
อุณหภูมิตามฤดูกาล

ไม่ดี
ดีมาก
ฤดู: ฤดูร้อน
ฝนประจำปี

ไม่ดี
ดีมาก
สภาพรุนแรงของภูมิอากาศ (ภัยพิบัติ)
พายุฝนประจำท้องถิ่น

ไม่ดี
ดีมาก
พายุฝนฟ้าคะนองประจำท้องถิ่น

ไม่ดี
ดีมาก
พายุลูกเห็บประจำท้องถิ่น

ไม่ดี
ดีมาก
ไฟป่า

ไม่ดี
ดีมาก
โรคระบาด

ไม่ดี
ดีมาก
การบุกรุกของแมลง / หนอน

ไม่ดี
ดีมาก

การน้อมเอาความรู้และการปรับใช้

เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ดินในพื้นที่ที่นำเทคโนโลยีไปใช้
  • ครั้งเดียวหรือเป็นการทดลอง
  • 1-10%
  • 10-50%
  • มากกว่า 50%
จากทั้งหมดที่ได้รับเทคโนโลยีเข้ามามีจำนวนเท่าใดที่ทำแบบทันที โดยไม่ได้รับการจูงใจด้านวัสดุหรือการเงินใดๆ?
  • 0-10%
  • 10-50%
  • 50-90%
  • 90-100%
จำนวนหลังคาเรือนหรือขนาดพื้นที่รวมทั้งหมด
200 ครัวเรือน
เทคโนโลยีได้รับการปรับเปลี่ยนเร็วๆ นี้เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
  • ใช่
  • ไม่ใช่
สภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงอันไหน?
  • การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปและสภาพรุนแรงของภูมิอากาศ
  • การเปลี่ยนแปลงของตลาด
  • การมีแรงงานไว้ให้ใช้ (เนื่องจากการอพยพย้ายถิ่นฐาน)

บทสรุปหรือบทเรียนที่ได้รับ

จุดแข็ง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดิน
  • สามารถพึ่งพาตนเอง ดำรงชีวิตอยู่อย่างสมดุลระหว่างความต้องการและขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตนเอง ครอบครัว หรือชุมชนได้ตามอัตภาพ เช่น ทุกครัวเรือนจะปลูกข้าวไว้บริโภคภายในครัวเรือนเอง
  • ชาวบ้านมีการนำความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างเครือญาติและชุมชน และมีการรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหาหลักของชุมชน ทำให้การดำเนินงานมีความให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่
  • ชาวบ้าน มีสภาพจิตใจที่มั่นคง กล้าแข็งในการที่จะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคในการเลี้ยงชีพ การพัฒนาชีวิตให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น บุคคลหรือชุมชนมีจิตสำนึกในการพึ่งตนเอง มีจิตใจใฝ่รู้ มีคุณธรรม มีเหตุมีผลในการคิดและตัดสินใจ
  • ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตร เพื่อเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวมาชม โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความงามและพักผ่อนหย่อนใจเป็นการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับชาวบ้านและชุมชนในพื้นที่
จุดแข็ง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆ
  • การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สามารถแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของดิน ลดการชะล้างพังทลายของหน้าดินและเก็บกักน้ำไว้ในดิน ทำให้ชาวบ้าวมีน้ำไว้ใช้ในการทำการเกษตรได้ตลอกทั้งปี
  • ชาวบ้านมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความไว้วางใจกัน ช่วยเหลือกันด้วยความเต็มใจแบ่งปันความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ มีความเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่น
  • ชุมชนมีความสามารถในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด รวมถึงมีการอนุรักษ์ ให้คงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์หรือรักษาให้ดำรงอยู่อย่างไม่เสื่อมโทรมไปจนหมด
  • การสร้างเครือข่ายการทำงาน (Networking) เครือข่ายจะทำให้ชุมชนสามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การพึ่งตนเองได้
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดินแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
  • ขาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ชาวบ้านสามารถทำการเกษตรบนพื้นที่ของตนเองได้แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ทางกฏหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวน ทำให้ชาวบ้านเกรงว่าอาจจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ในอนาคต ชาวบ้านและหัวหน้าชุมชนต้องการแก้ไขปัญหาจึงได้ขอความช่วยเหลือกับทางรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายในการ ”ออกโฉนดชุมชน” ทั้งนี้เพื่อหามุมมอง “ด้านกฎหมาย” ที่จะเข้าไปช่วยเหลือจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
  • เด็กด้วยโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากด้านสภาพเศรษฐกิจของผู้ปกครองของเด็กยากจน โรงเรียนในพื้นที่ได้เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กยากจน โดยการให้ทุนสนับสนุนในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษา และลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวในด้านค่าเล่าเรียน
  • การขาดสวัสดิการด้านสุขภาพ เนื่องจากพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ทำให้ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันถ่วงทีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ชาวบ้านไปรักษากับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเมื่อเกิดความเจ็บป่วย และใช้สิทธิการรักษาจากบัตรทองหรือโครงการ 30 บาทรักษาฟรีทุกโรค สำหรับภาวการณ์เจ็บป่วยฉุกเฉิน
  • ปัญหาทางด้านพลังงานและการติดต่อสื่อสารที่ยังไม่มีคณภาพ เนื่องจากบางพืนที่ยังขาดไฟฟ้า และพื้นที่ส่วนใหญ่สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนตยังไม่ครอบคลุม ชาวบ้านบางคนได้ซื้อและติดตั้งติดตั้งโซลาร์เซลล์นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้แทนด้วยตนเอง ส่วนเรื่องสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนตยังคงเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับชาวบ้านในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
  • ชาวบ้านขาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน เนื่องจากพื้นที่ของชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวน ทำให้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน รัฐบาลได้มีนโยบายในการ ”ออกโฉนดชุมชน” ออกมาเพื่อหวังจะแก้ไขปัญหาที่ดินดังกล่าว แต่การแก้ไขปัญหานี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวโยงถึงเรื่องระบบเศรษฐกิจ-สังคม-การเมือง
  • ชาวบ้านยังขาดสวัสดิการด้านหลักประกันด้านสุขภาพ เนื่องจากพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ทำให้การรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อต้องการเข้ารับการรักษาจึงมีความยากลำบากในการเดินทาง รัฐบาลได้จัดตั้งและสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งหัวใจสำคัญของระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค รวมทั้งรวมทั้งบุคลากร ซึ่งเป็นการรักษาพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเจ็บป่วยเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
  • การขาดโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง ทำให้เด็กในพื้นที่ขาดโอกาสและความเท่าเทียมในการศึกษา ส่งผลให้เด็กเหล่านี้หลุดออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับ โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาความยากจน รัฐบาลมีนโยบายที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเด็กด้อยโอกาสอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัวไปจนถึงระดับประเทศ เพื่อที่จะให้เด็กด้อยโอกาสได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับเด็กทั่วไป และการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้เด็กๆ ในพื้นที่มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น
  • ด้านพลังงานและการสื่อสารยังขาดแคลน พื้นที่บางแห่งยังขาดแคลนไฟฟ้า รวมทั้งยังขาดการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถได้รับคำปรึกษาเมื่อประชาชนที่เจ็บป่วยมีอาการซับซ้อนหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ รัฐบาลและหน่วยงานปกครองส่วนทั้งถิ่นได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้แทน และเพิ่มศักยภาพระบบเครื่องมือสื่อสาร ติดตั้งระบบทางไกลทางอินเทอร์เน็ตและดาวเทียมเพื่อเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกลมากขึ้น

การอ้างอิง

ผู้รวบรวม
  • Pitayakon Limtong
Editors
ผู้ตรวจสอบ
  • Rima Mekdaschi Studer
  • William Critchley
วันที่จัดทำเอกสาร: 13 ตุลาคม 2018
การอัพเดทล่าสุด: 14 มกราคม 2021
วิทยากร
คำอธิบายฉบับเต็มในฐานข้อมูล WOCAT
ข้อมูล SLM ที่ถูกอ้างอิง
การจัดทำเอกสารถูกทำโดย
องค์กร โครงการ
ลิงก์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในออนไลน์
This work is licensed under Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareaAlike 4.0 International