Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation
(ไทย)
Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation
คำอธิบาย
ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง
ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (forward-sloping terraces) เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หมู่ที่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 ในแปลงไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ทำการสำรวจ ออกแบบ และจัดทำแนวขั้นบันไดกว้างประมาณ 3 เมตร เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชรวมเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ โดยทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำการคัดเลือกเกษตรกรเผ่าปะหล่องจำนวน 50 ครัวเรือน ที่มีความสามารถและความถนัดในการปลูกชา ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการปลูกชาจีน (chinese tea) ในปี พ.ศ.2543 และตั้งชื่อแปลงปลูกชาจีนขั้นบันไดดินดังกล่าวว่า “แปลง 2000” ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนที่มีความลาดชันสูงอยู่ในช่วง 16-30 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,400 เมตร สภาพพื้นที่มีการระบายน้ำได้ดี ดินเป็นดินลึกมาก (>1.2 เมตร) เนื้อดินร่วน ทรายแป้ง มีระดับอินทรียวัตถุในดินบนปานกลาง (1-3 เปอร์เซ็นต์) และจากข้อมูลของสถานีอุตุนิยมวิทยาดอยอ่างขาง (รหัสสถานี 48302) ซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,529 เมตร พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 22.9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32.1 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิต่ำสุด 3.9 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนธันวาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 1,925.3 มิลลิเมตร โดยฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารทางภาคเหนือของไทยได้ถูกรบกวนจากภัยธรรมชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกและภัยมนุษย์ โดยชาวเขาบนดอยได้บุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ธาตุอาหารพืชสูญเสียไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่าหน้าดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง จัดเป็นความเสื่อมโทรมของที่ดินประเภทการกัดกร่อนของดินโดยน้ำ W: Wt (loss of topsoil) ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศป่าต้นน้ำอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งในปี พ.ศ.2512 สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีวิจัยแห่งแรกของมูลนิธิโครงการหลวง ได้ถูกก่อตั้งขึ้นจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งดำเนินงานวิจัยปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนาวเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านั้นมาเพาะปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น หยุดการตัดไม้และทำไร่เลื่อนลอย มีพืชมากกว่า 50 ชนิด สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น และทำให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน
ขั้นบันไดดินนับเป็นมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยโครงสร้างแบบคันดิน (S1) ประเภทขั้นบันไดดิน ฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (Forward-sloping terraces) ที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง เฉลี่ยไร่ละ 15,448.60 บาท ทำโดยใช้เครื่องจักรขุดและถมดินบริเวณไหล่เขาให้เป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดแบบต่อเนื่อง เพื่อลดความยาวและระดับของความลาดเท ช่วยลดความแรงและความเร็วของน้ำไหลบ่า ควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างออกไปจากพื้นที่ คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดิน และช่วยให้ไถพรวนดินได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งขั้นบันไดดินส่วนใหญ่มักใช้กับพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และดินต้องเป็นดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร
วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยป้องกันรักษาพื้นที่ต้นน้ำให้คงความอุดมสมบูรณ์ ช่วยลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน ช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศ ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ ช่วยให้เกษตรกรชาวเขาเพาะปลูกบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนตามมาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure) เพื่อปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น จนสามารถผลิตชาจีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ (สภาวะแห้งแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม) ส่งตลาดได้ตลอดทั้งปี ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความขัดแย้งเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรต่างๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่รอบๆ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งมีด้วยกัน 4 ชนเผ่า ได้แก่ ปะหล่อง มูเซอ จีนยูนนาน และไทยใหญ่
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ คือ ทำให้ทรัพยากรที่ดิน ได้แก่ ดิน น้ำ พืช คงความอุดมสมบูรณ์ และทำให้เกษตรกรโดยรอบสถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีรายได้ที่มั่นคงเนื่องจากสามารถปลูกพืชเมืองหนาวบนพื้นที่สูงได้ตลอดปี และช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานแปลง 2000 ของเกษตรกร ทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยวใบชา การขนส่งกล้าชา ขนส่งวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้ในการเพาะปลูกเข้าสู่แปลง หรือการขนผลิตผลไปยังโรงงานแปรรูปชาผ่านทางลำเลียงในพื้นที่
ผลกระทบในพื้นที่ดำเนินการจากการใช้เทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร
1. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมที่เด่นชัด คือ เกษตรกรชาวเขามีความมั่นคงทางรายได้จากการผลิตชาจีนแบบขั้นบันไดซึ่งให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ขั้นบันไดดินช่วยเอื้อประโยชน์ให้เกษตรกรปฏิบัติงานแปลง เช่น การเตรียมดินปลูก การใส่ปุ๋ย การกำจัดวัชพืช ได้สะดวก ความเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิตชาจีนแทบไม่มี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางคอยให้คำแนะนำส่งเสริมตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การปลูก การจัดการดิน การดูแลรักษาแปลง การเก็บเกี่ยว การประกันราคารับซื้อในราคาประกัน นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปชา ทำให้ผลิตชาจีนได้อย่างครบวงจรและยั่งยืน
2. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา คือ ทำให้ปริมาณน้ำไหลบ่าหน้าดินและตะกอนดินลดลง ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณแปลง 2000 สิ่งมีชีวิตต่างๆ พบเห็นได้มากขึ้น อาทิ ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ
3. ผลกระทบด้านสังคมวัฒนธรรม คือ ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต ทำให้เคารพในการใช้ที่ดินตามโซนการปลูก (zoning) ตามที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และสิทธิในการใช้น้ำ ทำให้เกิดความเข้มแข็งของสถาบันชุมชน มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น ความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ
สำหรับผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการนับว่าเป็นผลกระทบเชิงบวก เนื่องจากการทับถมของดินตะกอนบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำลดน้อยลงหรือแทบจะไม่มี
สถานที่
สถานที่: แปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน (แปลง 2000) ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง, เชียงใหม่, ไทย
ตำนวนการวิเคราะห์เทคโนโลยี: พื้นที่เดี่ยว
ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ที่ถูกเลือ
การเผยแพร่ของเทคโนโลยี: กระจายไปอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่ (approx. 0.1-1 ตร.กม.)
In a permanently protected area?:
วันที่ในการดำเนินการ: 1999; 10-50 ปี
ประเภทของการแนะนำ
-
ด้วยการริเริ่มของผู้ใช้ที่ดินเอง
-
เป็นส่วนหนึ่งของระบบแบบดั้งเดิมที่ทำก้นอยู่ (> 50 ปี)
-
ในช่วงการทดลองหรือการทำวิจัย
-
ทางโครงการหรือจากภายนอก
การดูแลรักษาขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร (ถนอมขวัญ ทิพวงศ์)
ระบบพืชคลุมดินร่วมกับแถวหญ้าแฝกรักษาขั้นบันไดดิน (ถนอมขวัญ ทิพวงศ์)
จุดประสงค์หลัก
-
ปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น
-
ลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน
-
อนุรักษ์ระบบนิเวศน์
-
ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ โดยร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ
-
รักษาสภาพหรือปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ
-
ลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ
-
ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก สภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและผลกระทบ
-
ชะลอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกและผลกระทบ
-
สร้างผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์
-
สร้างผลกระทบทางด้านสังคมที่เป็นประโยชน์
การใช้ที่ดิน
-
พื้นที่ปลูกพืช
- การปลูกพืชยืนต้นที่ไม่มีเนื้อไม้
จำนวนของฤดูเพาะปลูกต่อปี: 1
การใช้น้ำ
-
จากน้ำฝน
-
น้ำฝนร่วมกับการชลประทาน
-
การชลประทานแบบเต็มรูปแบบ
ความมุ่งหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมโทรมของที่ดิน
-
ป้องกันความเสื่อมโทรมของที่ดิน
-
ลดความเสื่อมโทรมของดิน
-
ฟื้นฟูบำบัดที่ดินที่เสื่อมโทรมลงอย่างมาก
-
ปรับตัวกับสภาพความเสื่อมโทรมของที่ดิน
-
ไม่สามารถใช้ได้
ที่อยู่ของการเสื่อมโทรม
-
การกัดกร่อนของดินโดยน้ำ - Wt (Loss of topsoil): การสูญเสียดินชั้นบนหรือการกัดกร่อนที่ผิวดิน
กลุ่ม SLM
-
มาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure)
-
การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติบนพื้นฐานของระบบนิเวศ
มาตรการ SLM
-
มาตรการอนุรักษ์ด้วยวิธีพืช - V2: หญ้าและไม้ยืนต้น
-
มาตรการอนุรักษ์ด้วยโครงสร้าง - S1: คันดิน
แบบแปลนทางเทคนิค
ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิค
1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการ ในช่วงปี พ.ศ.2542-2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางประสานขอให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการสำรวจคัดเลือกพื้นที่ภูเขาสูงที่มีความลาดชันประมาณ 20-35 เปอร์เซ็นต์ บริเวณแปลงปลูกไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ ที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และมีสภาพเสื่อมโทรม ให้ผลผลิตต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดการชะล้างพังทลายและดินถล่ม เพื่อออกแบบและจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ คือ ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร สำหรับใช้เป็นแปลงส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการปลูกชาจีนเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ดังกล่าวให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่องเพื่อสร้างรายได้และใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืน ผลสำรวจดินพบว่าดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในกลุ่มชุดดินที่ 29 ชุดดินแม่แตง เป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย สี น้ำตาลปนแดงเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดินล่างเป็นดินเหนียว สีแดงเข้มถึงสีแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5)
2. การทำการปักหลักกำหนดแนวขุดตั้งแต่จุดสูงสุดของพื้นที่จนถึงจุดต่ําสุดเพื่อใช้เป็นแนวการขุดแรก จากนั้นปักหลักกําหนดแนวขุดในแนวขึ้น-ลง ตามความลาดชัน มีระยะห่างระหว่างไม้ที่ปักเท่ากับระยะห่างของขั้นบันไดดิน เท่ากับ 3 เมตร โดยจะปักไม้ที่จุดกึ่งกลางของบันไดดิน จากนั้นจึงปักหลักวางแนวขุดในแนวระดับ แนวแรกที่จุดสูงสุดของพื้นที่ กําหนดความกว้างของเส้นระดับประมาณ 3.0 เมตร และลาดเอียง 1-2 องศา เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่
3. การดําเนินการขุด-ถม เคลื่อนย้ายดินและปรับแต่งพื้นที่ ทำการขุดดินจากล่างขึ้นบน โดยใช้เครื่องจักรขุดดินจากขอบแปลงด้านล่างขึ้นไปทําเป็นขั้นบันไดดินเหนือจุดที่ขุด พร้อมทั้งปรับระดับแปลงให้มีความสม่ำเสมอ จึงเคลื่อนย้ายดิน ปรับแต่ง และบดอัดแน่น ทําขั้นบันไดดินให้มีความกว้างประมาณ 3.0 เมตร เอียงเข้าหาตลิ่งประมาณ 1-2 องศา และให้มีความหนาของดินเพิ่มอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อกันการยุบตัว โดยมีชั้นของอินทรียวัตถุอยู่ชั้นบนสุด กำหนดความสูงของขั้นบันไดดินแต่ละขั้นไม่เกิน 1.8 เมตร ดังนั้นจึงตัดดินลงไป 0.9 เมตร และเติมดิน 0.9 เมตร
4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได 2 แถว โดยปลูกบริเวณเหนือแนวขั้นบันไดดินด้านบน 1 แถว และปลูกบริเวณแนวดินถมอีก 1 แถว ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 10 เซนติเมตร 5. การปลูกชาจีน แปลง 2000
5.1 การคัดเลือกเกษตรกรและจัดสรรที่ดิน หลังจากจัดทำขั้นบันไดดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้คัดเลือกและจัดสรรที่ดินปลูกชาให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่อง 50 ครัวเรือน ทำแปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ก้านอ่อน และพันธุ์เบอร์ 12
5.2 ฤดูปลูกที่เหมาะสม เกษตรกรเผ่าปะหล่อง จะปลูกชาจีนบนขั้นบันไดดิน ช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากหลังปลูกแล้วรากของชาจะกระทบกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีและไม่ประสบปัญหาเหมือนช่วงต้นฤดูฝน
5.3 ระยะปลูก ต้นปักชำจะมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก่อนปลูก ใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 1.2 เมตร ระยะระหว่างต้น 60 เซนติเมตร มีจำนวนต้นประมาณ 2,200 ต้นต่อไร่ แต่บางช่วงของขั้นบันไดจะปลูกแบบแถวคู่สลับฟันปลา เว้นระยะห่างแถวคู่ประมาณ 40-45 เซนติเมตร
6. การดูแลรักษาแปลง 2000
6.1 การใส่ปุ๋ย เน้นการใช้ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ที่ผลิตเองในกลุ่ม โดยการขุดร่องยาวบริเวณปลายทรงพุ่มต้นชา ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ทั้งสองด้าน ใส่อัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น ใน 1 ปี จะใส่ประมาณ 3 ครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม และยังใช้ปุ๋ยน้ำอินทรีย์เสริมให้กับต้นชาเพื่อยืดยอดชาให้เขียวเข้ม อวบ ได้น้ำหนักดี
6.2 การให้น้ำ เป็นการปลูกแบบอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ร่วมกับระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย ที่มีระบบการกระจายน้ำจากบ่อ (แทงก์) ส่งตามท่อพีวีซีไปยังแปลงปลูก
6.3 การเก็บเกี่ยว ชาอินทรีย์จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม และจะพักตัวในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ปัจจุบันพันธุ์เบอร์ 12 ผลผลิตเฉลี่ย 800 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 5-6 ครั้ง ส่วนพันธุ์ก้านอ่อน ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 4-5 ครั้ง ทำให้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 100,000-300,000 บาท ต่อราย โดยมีผลผลิตรวมของเกษตรกรประมาณ 60,000 กิโลกรัมต่อปี
7. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แปลงชา 2000 เกษตรกรจะดำเนินการซ่อมแซมขั้นบันไดเองในกรณีที่เกิดการชำรุด/ถูกกัดเซาะจากแรงน้ำฝนและแรงน้ำไหลบ่า โดยจะซ่อมแซมในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนเมษายน ยกเว้นเกิดร่องรอยชำรุดมาก ทางกรมพัฒนาที่ดินจะสนับสนุนการซ่อมบำรุงดังกล่าว อัตราไร่ละ 500 บาท
Author: นางสาวถนอมขวัญ ทิพวงศ์
การจัดตั้งและการบำรุงรักษา: กิจกรรม ปัจจัยและค่าใช้จ่าย
การคำนวนต้นทุนและค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายถูกคำนวน ต่อพื้นที่ที่ใช้เทคโนโลยี (หน่วยของขนาดและพื้นที่: พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์ตัวแปลงค่าจาก 1 เฮกตาร์ = 15.43)
- สกุลเงินที่ใช้คำนวณค่าใช้จ่าย บาท
- อัตราแลกเปลี่ยน (ไปเป็นดอลลาร์สหรัฐ) คือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 15448.6 บาท
- ค่าจ้างเฉลี่ยในการจ้างแรงงานต่อวันคือ 175.82
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย
construction of continuous bench terrace and maintenance cost, which it is all invested by government sector, Land Development Department.
กิจกรรมเพื่อการจัดตั้ง
-
1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่และออกแบบขั้นบันไดดิน (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sปีแรก (2541))
-
2. การทำหลักกำหนดแนวการขุด (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sปีแรก (2541))
-
3. ดําเนินการขุด เคลื่อนย้ายดิน และปรับแต่งพื้นที่ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sก่อนฤดูฝน(2542))
-
4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Vช่วงต้นฤดูฝน(2542))
-
5. การปลูกชาจีน (เตรียมที่ดิน การปลูก) (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mฤดูฝน(ส.ค.-ต.ค.43))
-
6. การใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mก.พ., มิ.ย., ต.ค.)
-
7. การให้น้ำ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mตลอดช่วงปลูก)
-
8. การใส่ปุ๋ย (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mตลอดช่วงปลูก)
-
9. การเก็บเกี่ยว (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Aช่วงเก็บเกี่ยว)
-
10. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ?ช่วงฤดูแล้ง(เม.ย.))
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการจัดตั้ง (per พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์)
ปัจจัยนำเข้า |
หน่วย |
ปริมาณ |
ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (บาท) |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (บาท) |
%ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน |
แรงงาน
|
สำรวจพื้นที่ 1 วัน |
แรง |
0.5 |
175.82 |
87.91 |
|
ปักแนวไม้หลักกำหนดแนวขุด ขึ้น-ลง และแนวระดับ 1 วัน |
แรง |
4.0 |
175.82 |
703.28 |
|
ปลูกหญ้าแฝก ระยะห่าง 10 ซม. (1 แถว 40 ม. = 400 กล้าx8 แถว) |
กล้า |
3200.0 |
1.65 |
5280.0 |
|
แรงงานขุดดินปริมาตร 2.4 ม3/ม |
ลบ.ม. |
88.0 |
100.88 |
8877.44 |
|
อุปกรณ์
|
เครื่องจักรกลขุดปริมาตร 2.4 ม.3/ม |
ลบ.ม. |
|
|
|
|
ไม้หลัก |
อัน |
100.0 |
5.0 |
500.0 |
|
วัสดุด้านพืช
|
กล้าหญ้าแฝก (พด. สนับสนุน) |
กล้า |
3200.0 |
|
|
|
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการจัดตั้งเทคโนโลยี |
15'448.63 |
|
Total costs for establishment of the Technology in USD |
1.0 |
|
กิจกรรมสำหรับการบำรุงรักษา
-
ซ่อมแซมขั้นบันไดดิน (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sซ่อมฤดูแล้ง 3-5 ปี ครั้ง)
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการบำรุงรักษา (per พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์)
ปัจจัยนำเข้า |
หน่วย |
ปริมาณ |
ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (บาท) |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (บาท) |
%ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน |
แรงงาน
|
แรงงานปรับแต่งขั้นบันไดดิน |
แรง |
1.0 |
500.0 |
500.0 |
100.0 |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการบำรุงรักษาสภาพเทคโนโลยี |
500.0 |
|
Total costs for maintenance of the Technology in USD |
0.03 |
|
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี
-
< 250 ม.ม.
-
251-500 ม.ม.
-
501-750 ม.ม.
-
751-1,000 ม.ม.
-
1,001-1,500 ม.ม.
-
1,501-2,000 ม.ม.
-
2,001-3,000 ม.ม.
-
3,001-4,000 ม.ม.
-
> 4,000 ม.ม.
เขตภูมิอากาศเกษตร
-
ชื้น
-
กึ่งชุ่มชื้น
-
กึ่งแห้งแล้ง
-
แห้งแล้ง
ข้อมูลจำเพาะเรื่องภูมิอากาศ
ปริมาณเฉลี่ยฝนรายปีในหน่วยมม. 1925.3
•จำนวนวันฝนตก 160.9 วันต่อปี •วันที่มีปริมาณฝนตกหนักสูงสุด (Daily max.) เฉลี่ย149.4 มม/วัน ในเดือนตุลาคม •เกิดพายุ (Thunderstorm) เฉลี่ย 57.5 วันต่อปี มากสุดในเดือน พ.ค. เกิดขึ้น 10.5 วัน
ชื่อสถานีอุตุนิยมวิทยา DOI ANG KANG (Index station คือ 48302) Latitude 19° 55' 53.0" N Longitude 99° 2' 54.0" E สถานีอยู่สูงจาก MSL 1529 เมตร ปีเก็บข้อมูล ค.ศ.2006-2015 (10 ปี ย้อนหลัง)
จากข้อมูลสถานีอุตุ 48302 พบว่า ระยะเวลาช่วงที่หยาดน้ำฟ้าสูงมากกว่าครึ่งหนึ่งของศักยภาพการคายระเหยน้ำ(PET) อยู่ระหว่าง พ.ค.-ต.ค. หรือประมาณ 6 เดือน = 180 วัน จึงจัดเป็นเขตกึ่งชุ่มชื้น
ความชัน
-
ราบเรียบ (0-2%)
-
ลาดที่ไม่ชัน (3-5%)
-
ปานกลาง (6-10%)
-
เป็นลูกคลื่น (11-15%)
-
เป็นเนิน (16-30%)
-
ชัน (31-60%)
-
ชันมาก (>60%)
ภูมิลักษณ์
-
ที่ราบสูง/ที่ราบ
-
สันเขา
-
ไหล่เขา
-
ไหล่เนินเขา
-
ตีนเนิน
-
หุบเขา
ความสูง
-
0-100 เมตร
-
101-500 เมตร
-
501-1,000 เมตร
-
1,001-1,500 เมตร
-
1,501-2,000 เมตร
-
2,001-2,500 เมตร
-
2,501-3,000 เมตร
-
3,001-4,000 เมตร
-
> 4,000 เมตร
เทคโนโลยีถูกประยุกต์ใช้ใน
-
บริเวณสันเขา (convex situations)
-
บริเวณแอ่งบนที่ราบ (concave situations)
-
ไม่เกี่ยวข้อง
ความลึกของดิน
-
ตื้นมาก (0-20 ซ.ม.)
-
ตื้น (21-50 ซ.ม.)
-
ลึกปานกลาง (51-80 ซ.ม.)
-
ลึก (81-120 ซ.ม.)
-
ลึกมาก (>120 ซ.ม.)
เนื้อดิน (ดินชั้นบน)
-
หยาบ/เบา (ดินทราย)
-
ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
-
ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
เนื้อดิน (> 20 ซม. ต่ำกว่าพื้นผิว)
-
หยาบ/เบา (ดินทราย)
-
ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
-
ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
สารอินทรียวัตถุในดิน
-
สูง (>3%)
-
ปานกลาง (1-3%)
-
ต่ำ (<1%)
น้ำบาดาล
-
ที่ผิวดิน
-
<5 เมตร
-
5-50 เมตร
-
> 50 เมตร
ระดับน้ำบาดาลที่ผิวดิน
-
เกินพอ
-
ดี
-
ปานกลาง
-
ไม่ดีหรือไม่มีเลย
คุณภาพน้ำ (ยังไม่ได้รับการบำบัด)
-
เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ดี
-
เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ไม่ดี (จำเป็นต้องได้รับการบำบัด)
-
เป็นน้ำใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น (การชลประทาน)
-
ใช้ประโยชน์ไม่ได้
Water quality refers to:
ความเค็มของน้ำเป็นปัญหาหรือไม่?
การเกิดน้ำท่วม
ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์
ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่
ลักษณะเฉพาะของผู้ใช้ที่ดินที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
เป้าหมายทางการตลาด
-
เพื่อการยังชีพ (หาเลี้ยงตนเอง)
-
mixed (subsistence/ commercial)
-
ทำการค้า/การตลาด
รายได้จากภายนอกฟาร์ม
-
< 10% ของรายได้ทั้งหมด
-
10-50% ของรายได้ทั้งหมด
-
> 50% ของรายได้ทั้งหมด
ระดับของความมั่งคั่งโดยเปรียบเทียบ
-
ยากจนมาก
-
จน
-
พอมีพอกิน
-
รวย
-
รวยมาก
ระดับของการใช้เครื่องจักรกล
-
งานที่ใช้แรงกาย
-
การใช้กำลังจากสัตว์
-
การใช้เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์
อยู่กับที่หรือเร่ร่อน
-
อยู่กับที่
-
กึ่งเร่ร่อน
-
เร่ร่อน
เป็นรายบุคคลหรือกลุ่ม
-
เป็นรายบุคคล/ครัวเรือน
-
กลุ่ม/ชุมชน
-
สหกรณ์
-
ลูกจ้าง (บริษัท รัฐบาล)
อายุ
-
เด็ก
-
ผู้เยาว์
-
วัยกลางคน
-
ผู้สูงอายุ
พื้นที่ที่ใช้ต่อครัวเรือน
-
< 0.5 เฮกตาร์
-
0.5-1 เฮกตาร์
-
1-2 เฮกตาร์
-
2-5 เฮกตาร์
-
5-15 เฮกตาร์
-
15-50 เฮกตาร์
-
50-100 เฮกตาร์
-
100-500 เฮกตาร์
-
500-1,000 เฮกตาร์
-
1,000-10,000 เฮกตาร์
-
>10,000 เฮกตาร์
ขนาด
-
ขนาดเล็ก
-
ขนาดกลาง
-
ขนาดใหญ่
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
-
รัฐ
-
บริษัท
-
เป็นแบบชุมชนหรือหมู่บ้าน
-
กลุ่ม
-
รายบุคคล ไม่ได้รับสิทธิครอบครอง
-
รายบุคคล ได้รับสิทธิครอบครอง
สิทธิในการใช้ที่ดิน
-
เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
-
เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
-
เช่า
-
รายบุคคล
สิทธิในการใช้น้ำ
-
เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
-
เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
-
เช่า
-
รายบุคคล
เข้าถึงการบริการและโครงสร้างพื้นฐาน
ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค
การจ้างงาน (เช่น ภายนอกฟาร์ม)
แสดงความคิดเห็น
มีกลุ่มสหกรณ์ฯ ช่วยสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย
ชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืช ฯลฯ
ผลกระทบ
ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
การผลิตพืชผล
• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ หมุนเวียน /ไร่เลื่อนลอย เพื่อยังชีพ
• หลัง SLM ปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้มีรายได้ตลอดปี มีเจ้าหน้าที่สถานีฯ ให้คำแนะนำส่งเสริม พันธุ์ การปลูก การผลิต เก็บเกี่ยว รับซื้อราคาประกัน มีโรงงานแปรรูปชา มีตลาด ทำให้ผลิตชาได้อย่างยั่งยืน (ครบวงจร)
การเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิต
• ก่อน SLM ทำเกษตรไร่เลื่อนลอย=เสี่ยง
• หลัง SLM ปลูกชา พืชสมุนไพร ได้ตลอดทั้งปี =เสี่ยงลดลงอย่างมาก
พื้นที่สำหรับการผลิต (ที่ดินใหม่ที่อยู่ในระหว่างเพาะปลูกหรือใช้งาน)
การจัดการที่ดิน
• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ ไม้ผล บนพื้นที่ลาดชัน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ และเกิดการชะล้างพังทลายของดิน เกิดร่องริ้ว ปุ๋ยไหลไปกับน้ำไหลบ่า
• หลัง SLM ได้รับจัดสรรที่ดินเพื่อปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้ส่งเสริมการปลูกชา การปฏิบัติงานแปลงง่ายขึ้น
ความต้องการน้ำจากการชลประทาน
เนืองจากจำเป็นต้องใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง
ค่าใช่จ่ายของปัจจัยการผลิตทางการเกษตร
เนื่องจากต้องมีการดูแลรักษาระบบและต้นชาเพิ่มมากขึ้น
รายได้จากฟาร์ม
ก่อน SLM มีพอยังชีพ
• หลัง SLM มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
เกษตรกรได้รับโอกาศที่เท่าเทียมกัน
ภาระงาน
ภาระงานเพิ่มากขึ้น เนื่องจากต้องดูแลต้นชาอย่างใกล้ชิด และมีการเก็บเกี่ยวเกือบทุกวัน และต่อเนื่อง
ผลกระทบด้านสังคมและวัฒนธรรม
การใช้ที่ดิน / สิทธิในการใช้น้ำ
มีการใช้ที่ดินตามกลุ่มพืช (zoning) ที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และมีสิทธิใช้น้ำ
สถาบันของชุมชน
มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น
SLM หรือความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน
ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ
สถานการณ์ของกลุ่มด้อยโอกาส ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ (เพศ อายุ สถานภาพ ความเป็นกลุ่มทางชาติพันธุ์)
ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต
ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
น้ำไหลบ่าที่ผิวดิน
ระบบช่วยให้มีการกักเก็บน้ำไว้ในดิน น้ำไหลบ่าลดลง
ความชื้นในดิน
ระบบนี้ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดินมากขึ้น ความชื้นในดินคงอยู่นานมากขึ้น
สิ่งปกคลุมดิน
ระบบช่วยให้มีพืชคลุมดินมากขึ้น
การสูญเสียดิน
ระบบทำให้สูญเสียดินลดลงอย่างมาก
การสะสมของดิน
แต่เดิมหน้าดินจะถูกชะล้างและไปสะสมที่ตอนล่าง แต่ระบบนี้ช่วยลดการสูญเสียดินในพื้นที่ลาดชัน
การปกคลุมด้วยพืช
ระบบทำให้มีพืชปกคลุมดินมากขึ้นและตลอดทั้งปี
ชนิดพันธุ์ที่ให้ประโยชน์ (ผู้ล่า ไส้เดือนดิน แมลงผสมเกสร)
ระบบช่วยให้พบสัตว์/แมลงมากขึ้น เช่น ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ
การจัดการศัตรูพืชและโรคพืช
เกษตรกรจะได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ และใช้ในลักษระของเกษตรอินทรีย์
ดินถล่ม/ ซากต่าง ๆ ที่ถูกพัดพามา
ระบบช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ลดการเกิดร่องลึก การพังทลายของดิน
ผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการ
น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ (ที่ไม่เป็นที่ต้องการ)
จำนวนก่อน SLM: เพิ่ม
หลังจาก SLM: ลด
ขั้นบันได+พืชปลูก ช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำลดลง และ ลดการพังทลายของดิน ทำให้ดินตะกอนท้ายน้ำลดลง
การทับถมของดินตะกอนพื้นที่ท้ายน้ำ
ระบบช่วยลดปริมาณของตะกอนดินในน้ำไหลบ่า
รายได้และค่าใช้จ่าย
ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่าย
ผลตอบแทนระยะสั้น
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก
ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก
ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ผลตอบแทนระยะสั้น
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก
ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
ด้านบวกอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
สภาพรุนแรงของภูมิอากาศ (ภัยพิบัติ)
การน้อมเอาความรู้และการปรับใช้
เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ดินในพื้นที่ที่นำเทคโนโลยีไปใช้
-
ครั้งเดียวหรือเป็นการทดลอง
-
1-10%
-
11-50%
-
> 50%
จากทั้งหมดที่ได้รับเทคโนโลยีเข้ามามีจำนวนเท่าใดที่ทำแบบทันที โดยไม่ได้รับการจูงใจด้านวัสดุหรือการเงินใดๆ?
-
0-10%
-
11-50%
-
51-90%
-
91-100%
จำนวนหลังคาเรือนหรือขนาดพื้นที่รวมทั้งหมด
เฉพาะปลูกชาอินทรีย์ แปลง 2000 มีเกษตรกรจำนวน 39 ราย ที่ทำการเกษตรชาขั้นบันได และยังมีพื้นที่แปลงปลูกพืชสมุนไพร ไม้ผล พืชผัก อื่นๆ ที่ทำขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
เทคโนโลยีได้รับการปรับเปลี่ยนเร็วๆ นี้เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
สภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงอันไหน?
-
การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปและสภาพรุนแรงของภูมิอากาศ
-
การเปลี่ยนแปลงของตลาด
-
การมีแรงงานไว้ให้ใช้ (เนื่องจากการอพยพย้ายถิ่นฐาน)
บทสรุปหรือบทเรียนที่ได้รับ
จุดแข็ง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดิน
-
ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณดินตะกอน
-
ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ย เนื่องจากไม่สูญเสียธาตุอาหารพืชในรูปของปุ๋ยไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดิน
-
ช่วยให้เกษตกรปฏิบัติหรือจัดการพื้นที่เกษตรได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
จุดแข็ง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆ
-
ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณการสูญเสียดิน
-
ขั้นบันไดสามารถช่วยดักกรองน้ำฝน ทำให้น้ำฝนค่อยๆ แทรกซึมลงไปในดินได้มากขึ้น สร้างความชื้นในดิน น้ำฝนส่วนที่เกินก็จะค่อยๆ ไหลบ่าลงไปเป็นชั้นๆ ตามขั้นบันไดดิน
-
เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ช่วยให้เกษตรกรประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ย (ทั้งปริมาณปุ๋ยที่ใช้ และเวลาใส่ปุ๋ย) เนื่องจากปริมาณธาตุอาหารพืชในปุ๋ยที่สูญเสียไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดินน้อยลง
-
ช่วยให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น ไม่เสี่ยงต่อการลื่นไถลจากที่สูงลงไป.
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดินแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
-
เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายสูง/แพง
รัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ
-
ต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง
รัฐช่วยจัดเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ
-
ขั้นบันไดดินชำรุด
ดูแล ซ่อมแซม ด้วยตนเองได้ หากชำรุดไม่มาก
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
-
เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกล
หน่วยงานของรัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ
-
จำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง
เจ้าหน้ารัฐควรช่วยให้ความรู้ และดำเนินงานก่อสร้าง
-
การเกิดความเสียหายต่อขั้นบันไดดิน (ขั้นบันไดดินชำรุด) จากน้ำฝนและน้ำไหลบ่าหน้าดิน หรือเหตุการณ์อื่นๆ
ต้องจัดหางบประมาณในการดูแล ซ่อมบำรุง ขั้นบันไดดิน ประจำปี หรือ ทุกๆ 3-5 ปี หรืองบเร่งด่วน
การอ้างอิง
วันที่จัดทำเอกสาร: 21 ธันวาคม 2018
การอัพเดทล่าสุด: 25 มกราคม 2019
วิทยากร
-
ถนอมขวัญ ทิพวงศ์ - co-compiler
-
Jai Mokngoen - ผู้ใช้ที่ดิน
-
Werapong Tapangtong - เจ้าหน้าที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตำแหน่งนักวิชาการ
-
Sontaya Boonchoo - เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวง ศพล.
คำอธิบายฉบับเต็มในฐานข้อมูล WOCAT
การจัดทำเอกสารถูกทำโดย
องค์กร
- Land Development Department (Land Development Department) - ไทย
โครงการ
ลิงก์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในออนไลน์