continuous bench terrace in tea plantation (Ms. Tanomkwan Tipvong)

Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation (ไทย)

Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation

คำอธิบาย

ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง

ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (forward-sloping terraces) เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หมู่ที่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 ในแปลงไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ทำการสำรวจ ออกแบบ และจัดทำแนวขั้นบันไดกว้างประมาณ 3 เมตร เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชรวมเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ โดยทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำการคัดเลือกเกษตรกรเผ่าปะหล่องจำนวน 50 ครัวเรือน ที่มีความสามารถและความถนัดในการปลูกชา ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการปลูกชาจีน (chinese tea) ในปี พ.ศ.2543 และตั้งชื่อแปลงปลูกชาจีนขั้นบันไดดินดังกล่าวว่า “แปลง 2000” ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนที่มีความลาดชันสูงอยู่ในช่วง 16-30 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,400 เมตร สภาพพื้นที่มีการระบายน้ำได้ดี ดินเป็นดินลึกมาก (>1.2 เมตร) เนื้อดินร่วน ทรายแป้ง มีระดับอินทรียวัตถุในดินบนปานกลาง (1-3 เปอร์เซ็นต์) และจากข้อมูลของสถานีอุตุนิยมวิทยาดอยอ่างขาง (รหัสสถานี 48302) ซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,529 เมตร พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 22.9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32.1 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิต่ำสุด 3.9 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนธันวาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 1,925.3 มิลลิเมตร โดยฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารทางภาคเหนือของไทยได้ถูกรบกวนจากภัยธรรมชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกและภัยมนุษย์ โดยชาวเขาบนดอยได้บุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ธาตุอาหารพืชสูญเสียไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่าหน้าดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง จัดเป็นความเสื่อมโทรมของที่ดินประเภทการกัดกร่อนของดินโดยน้ำ W: Wt (loss of topsoil) ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศป่าต้นน้ำอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งในปี พ.ศ.2512 สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีวิจัยแห่งแรกของมูลนิธิโครงการหลวง ได้ถูกก่อตั้งขึ้นจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งดำเนินงานวิจัยปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนาวเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านั้นมาเพาะปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น หยุดการตัดไม้และทำไร่เลื่อนลอย มีพืชมากกว่า 50 ชนิด สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น และทำให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน
ขั้นบันไดดินนับเป็นมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยโครงสร้างแบบคันดิน (S1) ประเภทขั้นบันไดดิน ฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (Forward-sloping terraces) ที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง เฉลี่ยไร่ละ 15,448.60 บาท ทำโดยใช้เครื่องจักรขุดและถมดินบริเวณไหล่เขาให้เป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดแบบต่อเนื่อง เพื่อลดความยาวและระดับของความลาดเท ช่วยลดความแรงและความเร็วของน้ำไหลบ่า ควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างออกไปจากพื้นที่ คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดิน และช่วยให้ไถพรวนดินได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งขั้นบันไดดินส่วนใหญ่มักใช้กับพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และดินต้องเป็นดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร
วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยป้องกันรักษาพื้นที่ต้นน้ำให้คงความอุดมสมบูรณ์ ช่วยลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน ช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศ ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ ช่วยให้เกษตรกรชาวเขาเพาะปลูกบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนตามมาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure) เพื่อปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น จนสามารถผลิตชาจีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ (สภาวะแห้งแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม) ส่งตลาดได้ตลอดทั้งปี ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความขัดแย้งเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรต่างๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่รอบๆ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งมีด้วยกัน 4 ชนเผ่า ได้แก่ ปะหล่อง มูเซอ จีนยูนนาน และไทยใหญ่
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ คือ ทำให้ทรัพยากรที่ดิน ได้แก่ ดิน น้ำ พืช คงความอุดมสมบูรณ์ และทำให้เกษตรกรโดยรอบสถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีรายได้ที่มั่นคงเนื่องจากสามารถปลูกพืชเมืองหนาวบนพื้นที่สูงได้ตลอดปี และช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานแปลง 2000 ของเกษตรกร ทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยวใบชา การขนส่งกล้าชา ขนส่งวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้ในการเพาะปลูกเข้าสู่แปลง หรือการขนผลิตผลไปยังโรงงานแปรรูปชาผ่านทางลำเลียงในพื้นที่
ผลกระทบในพื้นที่ดำเนินการจากการใช้เทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร
1. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมที่เด่นชัด คือ เกษตรกรชาวเขามีความมั่นคงทางรายได้จากการผลิตชาจีนแบบขั้นบันไดซึ่งให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ขั้นบันไดดินช่วยเอื้อประโยชน์ให้เกษตรกรปฏิบัติงานแปลง เช่น การเตรียมดินปลูก การใส่ปุ๋ย การกำจัดวัชพืช ได้สะดวก ความเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิตชาจีนแทบไม่มี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางคอยให้คำแนะนำส่งเสริมตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การปลูก การจัดการดิน การดูแลรักษาแปลง การเก็บเกี่ยว การประกันราคารับซื้อในราคาประกัน นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปชา ทำให้ผลิตชาจีนได้อย่างครบวงจรและยั่งยืน
2. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา คือ ทำให้ปริมาณน้ำไหลบ่าหน้าดินและตะกอนดินลดลง ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณแปลง 2000 สิ่งมีชีวิตต่างๆ พบเห็นได้มากขึ้น อาทิ ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ
3. ผลกระทบด้านสังคมวัฒนธรรม คือ ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต ทำให้เคารพในการใช้ที่ดินตามโซนการปลูก (zoning) ตามที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และสิทธิในการใช้น้ำ ทำให้เกิดความเข้มแข็งของสถาบันชุมชน มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น ความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ
สำหรับผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการนับว่าเป็นผลกระทบเชิงบวก เนื่องจากการทับถมของดินตะกอนบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำลดน้อยลงหรือแทบจะไม่มี

สถานที่

สถานที่: แปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน (แปลง 2000) ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง, เชียงใหม่, ไทย

ตำนวนการวิเคราะห์เทคโนโลยี: พื้นที่เดี่ยว

ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ที่ถูกเลือ
  • 99.04055, 19.92038

การเผยแพร่ของเทคโนโลยี: กระจายไปอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่ (approx. 0.1-1 ตร.กม.)

In a permanently protected area?:

วันที่ในการดำเนินการ: 1999; 10-50 ปี

ประเภทของการแนะนำ
การดูแลรักษาขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร (ถนอมขวัญ ทิพวงศ์)
ระบบพืชคลุมดินร่วมกับแถวหญ้าแฝกรักษาขั้นบันไดดิน (ถนอมขวัญ ทิพวงศ์)

การจำแนกประเภทเทคโนโลยี

จุดประสงค์หลัก
  • ปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น
  • ลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • อนุรักษ์ระบบนิเวศน์
  • ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ โดยร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ
  • รักษาสภาพหรือปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ
  • ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก สภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและผลกระทบ
  • ชะลอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกและผลกระทบ
  • สร้างผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์
  • สร้างผลกระทบทางด้านสังคมที่เป็นประโยชน์
การใช้ที่ดิน

  • พื้นที่ปลูกพืช
    • การปลูกพืชยืนต้นที่ไม่มีเนื้อไม้
    จำนวนของฤดูเพาะปลูกต่อปี: 1
การใช้น้ำ
  • จากน้ำฝน
  • น้ำฝนร่วมกับการชลประทาน
  • การชลประทานแบบเต็มรูปแบบ

ความมุ่งหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ป้องกันความเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ลดความเสื่อมโทรมของดิน
  • ฟื้นฟูบำบัดที่ดินที่เสื่อมโทรมลงอย่างมาก
  • ปรับตัวกับสภาพความเสื่อมโทรมของที่ดิน
  • ไม่สามารถใช้ได้
ที่อยู่ของการเสื่อมโทรม
  • การกัดกร่อนของดินโดยน้ำ - Wt (Loss of topsoil): การสูญเสียดินชั้นบนหรือการกัดกร่อนที่ผิวดิน
กลุ่ม SLM
  • มาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure)
  • การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติบนพื้นฐานของระบบนิเวศ
มาตรการ SLM
  • มาตรการอนุรักษ์ด้วยวิธีพืช - V2: หญ้าและไม้ยืนต้น
  • มาตรการอนุรักษ์ด้วยโครงสร้าง - S1: คันดิน

แบบแปลนทางเทคนิค

ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิค
1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการ ในช่วงปี พ.ศ.2542-2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางประสานขอให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการสำรวจคัดเลือกพื้นที่ภูเขาสูงที่มีความลาดชันประมาณ 20-35 เปอร์เซ็นต์ บริเวณแปลงปลูกไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ ที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และมีสภาพเสื่อมโทรม ให้ผลผลิตต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดการชะล้างพังทลายและดินถล่ม เพื่อออกแบบและจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ คือ ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร สำหรับใช้เป็นแปลงส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการปลูกชาจีนเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ดังกล่าวให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่องเพื่อสร้างรายได้และใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืน ผลสำรวจดินพบว่าดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในกลุ่มชุดดินที่ 29 ชุดดินแม่แตง เป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย สี น้ำตาลปนแดงเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดินล่างเป็นดินเหนียว สีแดงเข้มถึงสีแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5)
2. การทำการปักหลักกำหนดแนวขุดตั้งแต่จุดสูงสุดของพื้นที่จนถึงจุดต่ําสุดเพื่อใช้เป็นแนวการขุดแรก จากนั้นปักหลักกําหนดแนวขุดในแนวขึ้น-ลง ตามความลาดชัน มีระยะห่างระหว่างไม้ที่ปักเท่ากับระยะห่างของขั้นบันไดดิน เท่ากับ 3 เมตร โดยจะปักไม้ที่จุดกึ่งกลางของบันไดดิน จากนั้นจึงปักหลักวางแนวขุดในแนวระดับ แนวแรกที่จุดสูงสุดของพื้นที่ กําหนดความกว้างของเส้นระดับประมาณ 3.0 เมตร และลาดเอียง 1-2 องศา เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่
3. การดําเนินการขุด-ถม เคลื่อนย้ายดินและปรับแต่งพื้นที่ ทำการขุดดินจากล่างขึ้นบน โดยใช้เครื่องจักรขุดดินจากขอบแปลงด้านล่างขึ้นไปทําเป็นขั้นบันไดดินเหนือจุดที่ขุด พร้อมทั้งปรับระดับแปลงให้มีความสม่ำเสมอ จึงเคลื่อนย้ายดิน ปรับแต่ง และบดอัดแน่น ทําขั้นบันไดดินให้มีความกว้างประมาณ 3.0 เมตร เอียงเข้าหาตลิ่งประมาณ 1-2 องศา และให้มีความหนาของดินเพิ่มอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อกันการยุบตัว โดยมีชั้นของอินทรียวัตถุอยู่ชั้นบนสุด กำหนดความสูงของขั้นบันไดดินแต่ละขั้นไม่เกิน 1.8 เมตร ดังนั้นจึงตัดดินลงไป 0.9 เมตร และเติมดิน 0.9 เมตร
4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได 2 แถว โดยปลูกบริเวณเหนือแนวขั้นบันไดดินด้านบน 1 แถว และปลูกบริเวณแนวดินถมอีก 1 แถว ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 10 เซนติเมตร 5. การปลูกชาจีน แปลง 2000
5.1 การคัดเลือกเกษตรกรและจัดสรรที่ดิน หลังจากจัดทำขั้นบันไดดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้คัดเลือกและจัดสรรที่ดินปลูกชาให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่อง 50 ครัวเรือน ทำแปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ก้านอ่อน และพันธุ์เบอร์ 12
5.2 ฤดูปลูกที่เหมาะสม เกษตรกรเผ่าปะหล่อง จะปลูกชาจีนบนขั้นบันไดดิน ช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากหลังปลูกแล้วรากของชาจะกระทบกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีและไม่ประสบปัญหาเหมือนช่วงต้นฤดูฝน
5.3 ระยะปลูก ต้นปักชำจะมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก่อนปลูก ใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 1.2 เมตร ระยะระหว่างต้น 60 เซนติเมตร มีจำนวนต้นประมาณ 2,200 ต้นต่อไร่ แต่บางช่วงของขั้นบันไดจะปลูกแบบแถวคู่สลับฟันปลา เว้นระยะห่างแถวคู่ประมาณ 40-45 เซนติเมตร
6. การดูแลรักษาแปลง 2000
6.1 การใส่ปุ๋ย เน้นการใช้ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ที่ผลิตเองในกลุ่ม โดยการขุดร่องยาวบริเวณปลายทรงพุ่มต้นชา ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ทั้งสองด้าน ใส่อัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น ใน 1 ปี จะใส่ประมาณ 3 ครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม และยังใช้ปุ๋ยน้ำอินทรีย์เสริมให้กับต้นชาเพื่อยืดยอดชาให้เขียวเข้ม อวบ ได้น้ำหนักดี
6.2 การให้น้ำ เป็นการปลูกแบบอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ร่วมกับระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย ที่มีระบบการกระจายน้ำจากบ่อ (แทงก์) ส่งตามท่อพีวีซีไปยังแปลงปลูก
6.3 การเก็บเกี่ยว ชาอินทรีย์จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม และจะพักตัวในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ปัจจุบันพันธุ์เบอร์ 12 ผลผลิตเฉลี่ย 800 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 5-6 ครั้ง ส่วนพันธุ์ก้านอ่อน ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 4-5 ครั้ง ทำให้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 100,000-300,000 บาท ต่อราย โดยมีผลผลิตรวมของเกษตรกรประมาณ 60,000 กิโลกรัมต่อปี
7. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แปลงชา 2000 เกษตรกรจะดำเนินการซ่อมแซมขั้นบันไดเองในกรณีที่เกิดการชำรุด/ถูกกัดเซาะจากแรงน้ำฝนและแรงน้ำไหลบ่า โดยจะซ่อมแซมในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนเมษายน ยกเว้นเกิดร่องรอยชำรุดมาก ทางกรมพัฒนาที่ดินจะสนับสนุนการซ่อมบำรุงดังกล่าว อัตราไร่ละ 500 บาท
Author: นางสาวถนอมขวัญ ทิพวงศ์

การจัดตั้งและการบำรุงรักษา: กิจกรรม ปัจจัยและค่าใช้จ่าย

การคำนวนต้นทุนและค่าใช้จ่าย
  • ค่าใช้จ่ายถูกคำนวน ต่อพื้นที่ที่ใช้เทคโนโลยี (หน่วยของขนาดและพื้นที่: พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์ตัวแปลงค่าจาก 1 เฮกตาร์ = 15.43)
  • สกุลเงินที่ใช้คำนวณค่าใช้จ่าย บาท
  • อัตราแลกเปลี่ยน (ไปเป็นดอลลาร์สหรัฐ) คือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 15448.6 บาท
  • ค่าจ้างเฉลี่ยในการจ้างแรงงานต่อวันคือ 175.82
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย
construction of continuous bench terrace and maintenance cost, which it is all invested by government sector, Land Development Department.
กิจกรรมเพื่อการจัดตั้ง
  1. 1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่และออกแบบขั้นบันไดดิน (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sปีแรก (2541))
  2. 2. การทำหลักกำหนดแนวการขุด (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sปีแรก (2541))
  3. 3. ดําเนินการขุด เคลื่อนย้ายดิน และปรับแต่งพื้นที่ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sก่อนฤดูฝน(2542))
  4. 4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Vช่วงต้นฤดูฝน(2542))
  5. 5. การปลูกชาจีน (เตรียมที่ดิน การปลูก) (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mฤดูฝน(ส.ค.-ต.ค.43))
  6. 6. การใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mก.พ., มิ.ย., ต.ค.)
  7. 7. การให้น้ำ (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mตลอดช่วงปลูก)
  8. 8. การใส่ปุ๋ย (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Mตลอดช่วงปลูก)
  9. 9. การเก็บเกี่ยว (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Aช่วงเก็บเกี่ยว)
  10. 10. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: ?ช่วงฤดูแล้ง(เม.ย.))
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการจัดตั้ง (per พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์)
ปัจจัยนำเข้า หน่วย ปริมาณ ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (บาท) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (บาท) %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน
แรงงาน
สำรวจพื้นที่ 1 วัน แรง 0.5 175.82 87.91
ปักแนวไม้หลักกำหนดแนวขุด ขึ้น-ลง และแนวระดับ 1 วัน แรง 4.0 175.82 703.28
ปลูกหญ้าแฝก ระยะห่าง 10 ซม. (1 แถว 40 ม. = 400 กล้าx8 แถว) กล้า 3200.0 1.65 5280.0
แรงงานขุดดินปริมาตร 2.4 ม3/ม ลบ.ม. 88.0 100.88 8877.44
อุปกรณ์
เครื่องจักรกลขุดปริมาตร 2.4 ม.3/ม ลบ.ม.
ไม้หลัก อัน 100.0 5.0 500.0
วัสดุด้านพืช
กล้าหญ้าแฝก (พด. สนับสนุน) กล้า 3200.0
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการจัดตั้งเทคโนโลยี 15'448.63
Total costs for establishment of the Technology in USD 1.0
กิจกรรมสำหรับการบำรุงรักษา
  1. ซ่อมแซมขั้นบันไดดิน (ช่วงระยะเวลา/ความถี่: Sซ่อมฤดูแล้ง 3-5 ปี ครั้ง)
ปัจจัยและค่าใช้จ่ายของการบำรุงรักษา (per พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์)
ปัจจัยนำเข้า หน่วย ปริมาณ ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (บาท) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า (บาท) %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน
แรงงาน
แรงงานปรับแต่งขั้นบันไดดิน แรง 1.0 500.0 500.0 100.0
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการบำรุงรักษาสภาพเทคโนโลยี 500.0
Total costs for maintenance of the Technology in USD 0.03

สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี
  • < 250 ม.ม.
  • 251-500 ม.ม.
  • 501-750 ม.ม.
  • 751-1,000 ม.ม.
  • 1,001-1,500 ม.ม.
  • 1,501-2,000 ม.ม.
  • 2,001-3,000 ม.ม.
  • 3,001-4,000 ม.ม.
  • > 4,000 ม.ม.
เขตภูมิอากาศเกษตร
  • ชื้น
  • กึ่งชุ่มชื้น
  • กึ่งแห้งแล้ง
  • แห้งแล้ง
ข้อมูลจำเพาะเรื่องภูมิอากาศ
ปริมาณเฉลี่ยฝนรายปีในหน่วยมม. 1925.3
•จำนวนวันฝนตก 160.9 วันต่อปี •วันที่มีปริมาณฝนตกหนักสูงสุด (Daily max.) เฉลี่ย149.4 มม/วัน ในเดือนตุลาคม •เกิดพายุ (Thunderstorm) เฉลี่ย 57.5 วันต่อปี มากสุดในเดือน พ.ค. เกิดขึ้น 10.5 วัน
ชื่อสถานีอุตุนิยมวิทยา DOI ANG KANG (Index station คือ 48302) Latitude 19° 55' 53.0" N Longitude 99° 2' 54.0" E สถานีอยู่สูงจาก MSL 1529 เมตร ปีเก็บข้อมูล ค.ศ.2006-2015 (10 ปี ย้อนหลัง)
จากข้อมูลสถานีอุตุ 48302 พบว่า ระยะเวลาช่วงที่หยาดน้ำฟ้าสูงมากกว่าครึ่งหนึ่งของศักยภาพการคายระเหยน้ำ(PET) อยู่ระหว่าง พ.ค.-ต.ค. หรือประมาณ 6 เดือน = 180 วัน จึงจัดเป็นเขตกึ่งชุ่มชื้น
ความชัน
  • ราบเรียบ (0-2%)
  • ลาดที่ไม่ชัน (3-5%)
  • ปานกลาง (6-10%)
  • เป็นลูกคลื่น (11-15%)
  • เป็นเนิน (16-30%)
  • ชัน (31-60%)
  • ชันมาก (>60%)
ภูมิลักษณ์
  • ที่ราบสูง/ที่ราบ
  • สันเขา
  • ไหล่เขา
  • ไหล่เนินเขา
  • ตีนเนิน
  • หุบเขา
ความสูง
  • 0-100 เมตร
  • 101-500 เมตร
  • 501-1,000 เมตร
  • 1,001-1,500 เมตร
  • 1,501-2,000 เมตร
  • 2,001-2,500 เมตร
  • 2,501-3,000 เมตร
  • 3,001-4,000 เมตร
  • > 4,000 เมตร
เทคโนโลยีถูกประยุกต์ใช้ใน
  • บริเวณสันเขา (convex situations)
  • บริเวณแอ่งบนที่ราบ (concave situations)
  • ไม่เกี่ยวข้อง
ความลึกของดิน
  • ตื้นมาก (0-20 ซ.ม.)
  • ตื้น (21-50 ซ.ม.)
  • ลึกปานกลาง (51-80 ซ.ม.)
  • ลึก (81-120 ซ.ม.)
  • ลึกมาก (>120 ซ.ม.)
เนื้อดิน (ดินชั้นบน)
  • หยาบ/เบา (ดินทราย)
  • ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
  • ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
เนื้อดิน (> 20 ซม. ต่ำกว่าพื้นผิว)
  • หยาบ/เบา (ดินทราย)
  • ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
  • ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
สารอินทรียวัตถุในดิน
  • สูง (>3%)
  • ปานกลาง (1-3%)
  • ต่ำ (<1%)
น้ำบาดาล
  • ที่ผิวดิน
  • <5 เมตร
  • 5-50 เมตร
  • > 50 เมตร
ระดับน้ำบาดาลที่ผิวดิน
  • เกินพอ
  • ดี
  • ปานกลาง
  • ไม่ดีหรือไม่มีเลย
คุณภาพน้ำ (ยังไม่ได้รับการบำบัด)
  • เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ดี
  • เป็นน้ำเพื่อการดื่มที่ไม่ดี (จำเป็นต้องได้รับการบำบัด)
  • เป็นน้ำใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น (การชลประทาน)
  • ใช้ประโยชน์ไม่ได้
Water quality refers to:
ความเค็มของน้ำเป็นปัญหาหรือไม่?
  • ใช่
  • ไม่ใช่

การเกิดน้ำท่วม
  • ใช่
  • ไม่ใช่
ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์
  • สูง
  • ปานกลาง
  • ต่ำ
ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่
  • สูง
  • ปานกลาง
  • ต่ำ

ลักษณะเฉพาะของผู้ใช้ที่ดินที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

เป้าหมายทางการตลาด
  • เพื่อการยังชีพ (หาเลี้ยงตนเอง)
  • mixed (subsistence/ commercial)
  • ทำการค้า/การตลาด
รายได้จากภายนอกฟาร์ม
  • < 10% ของรายได้ทั้งหมด
  • 10-50% ของรายได้ทั้งหมด
  • > 50% ของรายได้ทั้งหมด
ระดับของความมั่งคั่งโดยเปรียบเทียบ
  • ยากจนมาก
  • จน
  • พอมีพอกิน
  • รวย
  • รวยมาก
ระดับของการใช้เครื่องจักรกล
  • งานที่ใช้แรงกาย
  • การใช้กำลังจากสัตว์
  • การใช้เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์
อยู่กับที่หรือเร่ร่อน
  • อยู่กับที่
  • กึ่งเร่ร่อน
  • เร่ร่อน
เป็นรายบุคคลหรือกลุ่ม
  • เป็นรายบุคคล/ครัวเรือน
  • กลุ่ม/ชุมชน
  • สหกรณ์
  • ลูกจ้าง (บริษัท รัฐบาล)
เพศ
  • หญิง
  • ชาย
อายุ
  • เด็ก
  • ผู้เยาว์
  • วัยกลางคน
  • ผู้สูงอายุ
พื้นที่ที่ใช้ต่อครัวเรือน
  • < 0.5 เฮกตาร์
  • 0.5-1 เฮกตาร์
  • 1-2 เฮกตาร์
  • 2-5 เฮกตาร์
  • 5-15 เฮกตาร์
  • 15-50 เฮกตาร์
  • 50-100 เฮกตาร์
  • 100-500 เฮกตาร์
  • 500-1,000 เฮกตาร์
  • 1,000-10,000 เฮกตาร์
  • >10,000 เฮกตาร์
ขนาด
  • ขนาดเล็ก
  • ขนาดกลาง
  • ขนาดใหญ่
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
  • รัฐ
  • บริษัท
  • เป็นแบบชุมชนหรือหมู่บ้าน
  • กลุ่ม
  • รายบุคคล ไม่ได้รับสิทธิครอบครอง
  • รายบุคคล ได้รับสิทธิครอบครอง
สิทธิในการใช้ที่ดิน
  • เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
  • เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
  • เช่า
  • รายบุคคล
สิทธิในการใช้น้ำ
  • เข้าถึงได้แบบเปิด (ไม่ได้จัดระเบียบ)
  • เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
  • เช่า
  • รายบุคคล
เข้าถึงการบริการและโครงสร้างพื้นฐาน
สุขภาพ

จน
x
ดี
การศึกษา

จน
x
ดี
ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค

จน
x
ดี
การจ้างงาน (เช่น ภายนอกฟาร์ม)

จน
x
ดี
ตลาด

จน
x
ดี
พลังงาน

จน
x
ดี
ถนนและการขนส่ง

จน
x
ดี
น้ำดื่มและการสุขาภิบาล

จน
x
ดี
บริการด้านการเงิน

จน
x
ดี
แสดงความคิดเห็น

มีกลุ่มสหกรณ์ฯ ช่วยสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืช ฯลฯ

ผลกระทบ

ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
การผลิตพืชผล
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ หมุนเวียน /ไร่เลื่อนลอย เพื่อยังชีพ
• หลัง SLM ปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้มีรายได้ตลอดปี มีเจ้าหน้าที่สถานีฯ ให้คำแนะนำส่งเสริม พันธุ์ การปลูก การผลิต เก็บเกี่ยว รับซื้อราคาประกัน มีโรงงานแปรรูปชา มีตลาด ทำให้ผลิตชาได้อย่างยั่งยืน (ครบวงจร)

การเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิต
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


• ก่อน SLM ทำเกษตรไร่เลื่อนลอย=เสี่ยง
• หลัง SLM ปลูกชา พืชสมุนไพร ได้ตลอดทั้งปี =เสี่ยงลดลงอย่างมาก

พื้นที่สำหรับการผลิต (ที่ดินใหม่ที่อยู่ในระหว่างเพาะปลูกหรือใช้งาน)
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


• ละเลยได้

การจัดการที่ดิน
ขัดขวาง
x
ทำให้ง่ายขึ้น


• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ ไม้ผล บนพื้นที่ลาดชัน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ และเกิดการชะล้างพังทลายของดิน เกิดร่องริ้ว ปุ๋ยไหลไปกับน้ำไหลบ่า
• หลัง SLM ได้รับจัดสรรที่ดินเพื่อปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้ส่งเสริมการปลูกชา การปฏิบัติงานแปลงง่ายขึ้น

ความต้องการน้ำจากการชลประทาน
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


เนืองจากจำเป็นต้องใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง

ค่าใช่จ่ายของปัจจัยการผลิตทางการเกษตร
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


เนื่องจากต้องมีการดูแลรักษาระบบและต้นชาเพิ่มมากขึ้น

รายได้จากฟาร์ม
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


ก่อน SLM มีพอยังชีพ
• หลัง SLM มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


เกษตรกรได้รับโอกาศที่เท่าเทียมกัน

ภาระงาน
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


ภาระงานเพิ่มากขึ้น เนื่องจากต้องดูแลต้นชาอย่างใกล้ชิด และมีการเก็บเกี่ยวเกือบทุกวัน และต่อเนื่อง

ผลกระทบด้านสังคมและวัฒนธรรม
การใช้ที่ดิน / สิทธิในการใช้น้ำ
แย่ลง
x
ปรับปรุงดีขึ้น


มีการใช้ที่ดินตามกลุ่มพืช (zoning) ที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และมีสิทธิใช้น้ำ

สถาบันของชุมชน
อ่อนแอลง
x
เสริมให้แข็งแรง


มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น

SLM หรือความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน
ลดลง
x
ปรับปรุงดีขึ้น


ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ

สถานการณ์ของกลุ่มด้อยโอกาส ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ (เพศ อายุ สถานภาพ ความเป็นกลุ่มทางชาติพันธุ์)
แย่ลง
x
ปรับปรุงดีขึ้น


ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต

ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
น้ำไหลบ่าที่ผิวดิน
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


ระบบช่วยให้มีการกักเก็บน้ำไว้ในดิน น้ำไหลบ่าลดลง

ความชื้นในดิน
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


ระบบนี้ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดินมากขึ้น ความชื้นในดินคงอยู่นานมากขึ้น

สิ่งปกคลุมดิน
ลดลง
x
ปรับปรุงดีขึ้น


ระบบช่วยให้มีพืชคลุมดินมากขึ้น

การสูญเสียดิน
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


ระบบทำให้สูญเสียดินลดลงอย่างมาก

การสะสมของดิน
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


แต่เดิมหน้าดินจะถูกชะล้างและไปสะสมที่ตอนล่าง แต่ระบบนี้ช่วยลดการสูญเสียดินในพื้นที่ลาดชัน

การปกคลุมด้วยพืช
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


ระบบทำให้มีพืชปกคลุมดินมากขึ้นและตลอดทั้งปี

ชนิดพันธุ์ที่ให้ประโยชน์ (ผู้ล่า ไส้เดือนดิน แมลงผสมเกสร)
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


ระบบช่วยให้พบสัตว์/แมลงมากขึ้น เช่น ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ

การจัดการศัตรูพืชและโรคพืช
ลดลง
x
เพิ่มขึ้น


เกษตรกรจะได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ และใช้ในลักษระของเกษตรอินทรีย์

ดินถล่ม/ ซากต่าง ๆ ที่ถูกพัดพามา
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


ระบบช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ลดการเกิดร่องลึก การพังทลายของดิน

ผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการ
น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ (ที่ไม่เป็นที่ต้องการ)
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง

จำนวนก่อน SLM: เพิ่ม
หลังจาก SLM: ลด
ขั้นบันได+พืชปลูก ช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำลดลง และ ลดการพังทลายของดิน ทำให้ดินตะกอนท้ายน้ำลดลง

การทับถมของดินตะกอนพื้นที่ท้ายน้ำ
เพิ่มขึ้น
x
ลดลง


ระบบช่วยลดปริมาณของตะกอนดินในน้ำไหลบ่า

รายได้และค่าใช้จ่าย

ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่าย
ผลตอบแทนระยะสั้น
ด้านลบอย่างมาก
x
ด้านบวกอย่างมาก

ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
x
ด้านบวกอย่างมาก

ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ผลตอบแทนระยะสั้น
ด้านลบอย่างมาก
x
ด้านบวกอย่างมาก

ผลตอบแทนระยะยาว
ด้านลบอย่างมาก
x
ด้านบวกอย่างมาก

ผู้ใช้ที่ดินไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการจัดสร้างขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เนื่องจากรัฐ โดย ศพล.พด.เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดทำทั้งหมด ยกเว้นการซ่อมบำรุงขั้นบันไดที่เกษตรกรเจ้าของที่ดินจัดสรรดำเนินการปรังแต่งเอง (เป็นค่าแรงงานตนเอง)

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

สภาพรุนแรงของภูมิอากาศ (ภัยพิบัติ)
พายุฝนประจำท้องถิ่น

ไม่ดี
x
ดีมาก
ดินถล่ม

ไม่ดี
x
ดีมาก

การน้อมเอาความรู้และการปรับใช้

เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ดินในพื้นที่ที่นำเทคโนโลยีไปใช้
  • ครั้งเดียวหรือเป็นการทดลอง
  • 1-10%
  • 11-50%
  • > 50%
จากทั้งหมดที่ได้รับเทคโนโลยีเข้ามามีจำนวนเท่าใดที่ทำแบบทันที โดยไม่ได้รับการจูงใจด้านวัสดุหรือการเงินใดๆ?
  • 0-10%
  • 11-50%
  • 51-90%
  • 91-100%
จำนวนหลังคาเรือนหรือขนาดพื้นที่รวมทั้งหมด
เฉพาะปลูกชาอินทรีย์ แปลง 2000 มีเกษตรกรจำนวน 39 ราย ที่ทำการเกษตรชาขั้นบันได และยังมีพื้นที่แปลงปลูกพืชสมุนไพร ไม้ผล พืชผัก อื่นๆ ที่ทำขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
เทคโนโลยีได้รับการปรับเปลี่ยนเร็วๆ นี้เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
  • ใช่
  • ไม่ใช่
สภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงอันไหน?
  • การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปและสภาพรุนแรงของภูมิอากาศ
  • การเปลี่ยนแปลงของตลาด
  • การมีแรงงานไว้ให้ใช้ (เนื่องจากการอพยพย้ายถิ่นฐาน)

บทสรุปหรือบทเรียนที่ได้รับ

จุดแข็ง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดิน
  • ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณดินตะกอน
  • ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ย เนื่องจากไม่สูญเสียธาตุอาหารพืชในรูปของปุ๋ยไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดิน
  • ช่วยให้เกษตกรปฏิบัติหรือจัดการพื้นที่เกษตรได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
จุดแข็ง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆ
  • ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณการสูญเสียดิน
  • ขั้นบันไดสามารถช่วยดักกรองน้ำฝน ทำให้น้ำฝนค่อยๆ แทรกซึมลงไปในดินได้มากขึ้น สร้างความชื้นในดิน น้ำฝนส่วนที่เกินก็จะค่อยๆ ไหลบ่าลงไปเป็นชั้นๆ ตามขั้นบันไดดิน
  • เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ช่วยให้เกษตรกรประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ย (ทั้งปริมาณปุ๋ยที่ใช้ และเวลาใส่ปุ๋ย) เนื่องจากปริมาณธาตุอาหารพืชในปุ๋ยที่สูญเสียไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดินน้อยลง
  • ช่วยให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น ไม่เสี่ยงต่อการลื่นไถลจากที่สูงลงไป.
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: มุมมองของผู้ใช้ที่ดินแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
  • เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายสูง/แพง รัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ
  • ต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง รัฐช่วยจัดเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ
  • ขั้นบันไดดินชำรุด ดูแล ซ่อมแซม ด้วยตนเองได้ หากชำรุดไม่มาก
จุดด้อย/ข้อเสีย/ความเสี่ยง: ทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรคนอื่นๆแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
  • เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกล หน่วยงานของรัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ
  • จำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง เจ้าหน้ารัฐควรช่วยให้ความรู้ และดำเนินงานก่อสร้าง
  • การเกิดความเสียหายต่อขั้นบันไดดิน (ขั้นบันไดดินชำรุด) จากน้ำฝนและน้ำไหลบ่าหน้าดิน หรือเหตุการณ์อื่นๆ ต้องจัดหางบประมาณในการดูแล ซ่อมบำรุง ขั้นบันไดดิน ประจำปี หรือ ทุกๆ 3-5 ปี หรืองบเร่งด่วน

การอ้างอิง

ผู้รวบรวม
  • Pitayakon Limtong
Editors
ผู้ตรวจสอบ
  • Rima Mekdaschi Studer
วันที่จัดทำเอกสาร: 21 ธันวาคม 2018
การอัพเดทล่าสุด: 25 มกราคม 2019
วิทยากร
คำอธิบายฉบับเต็มในฐานข้อมูล WOCAT
ข้อมูล SLM ที่ถูกอ้างอิง
การจัดทำเอกสารถูกทำโดย
องค์กร โครงการ
การอ้งอิงหลัก
  • -: -
ลิงก์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในออนไลน์
This work is licensed under Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareaAlike 4.0 International