Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation [ไทย]
- ผู้สร้างสรรค์:
- การอัพเดท:
- ผู้รวบรวม: Pitayakon Limtong
- ผู้เรียบเรียง: –
- ผู้ตรวจสอบ: Rima Mekdaschi Studer
Continuous bench terrace in high sloping area for tea plantation
technologies_4281 - ไทย
ดูส่วนย่อย
ขยายทั้งหมด ย่อทั้งหมด1. ข้อมูลทั่วไป
1.2 รายละเอียดที่ติดต่อได้ของผู้รวบรวมและองค์กรที่เกี่ยวข้องในการประเมินและการจัดเตรียมทำเอกสารของเทคโนโลยี
วิทยากรหลัก
co-compiler:
ทิพวงศ์ ถนอมขวัญ
กรมพัฒนาที่ดิน
ไทย
ผู้ใช้ที่ดิน:
Mokngoen Jai
เกษตรกรชาวเขาเผ่าปะหล่อง
ไทย
เจ้าหน้าที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตำแหน่งนักวิชาการ:
Tapangtong Werapong
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ไทย
เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวง ศพล.
Boonchoo Sontaya
ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวง กรมพัฒนาที่ดิน
ไทย
ชื่อขององค์กรซึ่งอำนวยความสะดวกในการทำเอกสารหรือการประเมินเทคโนโลยี (ถ้าเกี่ยวข้อง)
Land Development Department (Land Development Department) - ไทย1.3 เงื่อนไขการใช้ข้อมูลที่ได้บันทึกผ่านทาง WOCAT
ผู้รวบรวมและวิทยากรหลักยอมรับเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลที่ถูกบันทึกผ่านทาง WOCAT:
ใช่
1.4 การเปิดเผยเรื่องความยั่งยืนของเทคโนโลยีที่ได้อธิบายไว้
เทคโนโลยีที่ได้อธิบายไว้นี้เป็นปัญหาของความเสื่อมโทรมโทรมของที่ดินหรือไม่ จึงไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีเพื่อการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน:
ไม่ใช่
แสดงความคิดเห็น:
การทำขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ในแปลงส่งเสริมการปลูกชาจีนบนพื้นที่สูง (แปลง 2000) สามารถช่วยป้องกันการเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินและที่ดิน เนื่องจากขั้นบันไดดินที่สร้างขึ้นเพื่อขวางความลาดเทของพื้นที่มีส่วนช่วยลดความยาวความลาดชันให้สั้นลง จึงทำให้ความเร็วและความแรงของน้ำไหลบ่าหน้าดินชะลอลง ส่งผลต่อการรักษาหน้าดินให้คงอยู่ ดินชุ่มชื้นและคงความอุดมสมบูรณ์ของดินไว้ได้
2. การอธิบายลักษณะของเทคโนโลยี SLM
2.1 การอธิบายแบบสั้น ๆ ของเทคโนโลยี
คำจำกัดความของเทคโนโลยี:
ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง
2.2 การอธิบายแบบละเอียดของเทคโนโลยี
คำอธิบาย:
ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (forward-sloping terraces) เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หมู่ที่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 ในแปลงไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ โดยกรมพัฒนาที่ดินได้ทำการสำรวจ ออกแบบ และจัดทำแนวขั้นบันไดกว้างประมาณ 3 เมตร เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชรวมเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ โดยทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำการคัดเลือกเกษตรกรเผ่าปะหล่องจำนวน 50 ครัวเรือน ที่มีความสามารถและความถนัดในการปลูกชา ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการปลูกชาจีน (chinese tea) ในปี พ.ศ.2543 และตั้งชื่อแปลงปลูกชาจีนขั้นบันไดดินดังกล่าวว่า “แปลง 2000” ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนที่มีความลาดชันสูงอยู่ในช่วง 16-30 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,400 เมตร สภาพพื้นที่มีการระบายน้ำได้ดี ดินเป็นดินลึกมาก (>1.2 เมตร) เนื้อดินร่วน ทรายแป้ง มีระดับอินทรียวัตถุในดินบนปานกลาง (1-3 เปอร์เซ็นต์) และจากข้อมูลของสถานีอุตุนิยมวิทยาดอยอ่างขาง (รหัสสถานี 48302) ซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,529 เมตร พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 22.9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32.1 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิต่ำสุด 3.9 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนธันวาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 1,925.3 มิลลิเมตร โดยฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารทางภาคเหนือของไทยได้ถูกรบกวนจากภัยธรรมชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกและภัยมนุษย์ โดยชาวเขาบนดอยได้บุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ธาตุอาหารพืชสูญเสียไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่าหน้าดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง จัดเป็นความเสื่อมโทรมของที่ดินประเภทการกัดกร่อนของดินโดยน้ำ W: Wt (loss of topsoil) ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศป่าต้นน้ำอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งในปี พ.ศ.2512 สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีวิจัยแห่งแรกของมูลนิธิโครงการหลวง ได้ถูกก่อตั้งขึ้นจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งดำเนินงานวิจัยปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนาวเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านั้นมาเพาะปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น หยุดการตัดไม้และทำไร่เลื่อนลอย มีพืชมากกว่า 50 ชนิด สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น และทำให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน
ขั้นบันไดดินนับเป็นมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยโครงสร้างแบบคันดิน (S1) ประเภทขั้นบันไดดิน ฐาน 3 เมตร แบบเอียงออก (Forward-sloping terraces) ที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง เฉลี่ยไร่ละ 15,448.60 บาท ทำโดยใช้เครื่องจักรขุดและถมดินบริเวณไหล่เขาให้เป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดแบบต่อเนื่อง เพื่อลดความยาวและระดับของความลาดเท ช่วยลดความแรงและความเร็วของน้ำไหลบ่า ควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างออกไปจากพื้นที่ คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดิน และช่วยให้ไถพรวนดินได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งขั้นบันไดดินส่วนใหญ่มักใช้กับพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และดินต้องเป็นดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร
วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยป้องกันรักษาพื้นที่ต้นน้ำให้คงความอุดมสมบูรณ์ ช่วยลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน ช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศ ป้องกันพื้นที่ลุ่มน้ำ/บริเวณท้ายน้ำ ช่วยให้เกษตรกรชาวเขาเพาะปลูกบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืนตามมาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure) เพื่อปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น จนสามารถผลิตชาจีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ (สภาวะแห้งแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม) ส่งตลาดได้ตลอดทั้งปี ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความขัดแย้งเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรต่างๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่รอบๆ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งมีด้วยกัน 4 ชนเผ่า ได้แก่ ปะหล่อง มูเซอ จีนยูนนาน และไทยใหญ่
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ คือ ทำให้ทรัพยากรที่ดิน ได้แก่ ดิน น้ำ พืช คงความอุดมสมบูรณ์ และทำให้เกษตรกรโดยรอบสถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีรายได้ที่มั่นคงเนื่องจากสามารถปลูกพืชเมืองหนาวบนพื้นที่สูงได้ตลอดปี และช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานแปลง 2000 ของเกษตรกร ทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยวใบชา การขนส่งกล้าชา ขนส่งวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้ในการเพาะปลูกเข้าสู่แปลง หรือการขนผลิตผลไปยังโรงงานแปรรูปชาผ่านทางลำเลียงในพื้นที่
ผลกระทบในพื้นที่ดำเนินการจากการใช้เทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร
1. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมที่เด่นชัด คือ เกษตรกรชาวเขามีความมั่นคงทางรายได้จากการผลิตชาจีนแบบขั้นบันไดซึ่งให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ขั้นบันไดดินช่วยเอื้อประโยชน์ให้เกษตรกรปฏิบัติงานแปลง เช่น การเตรียมดินปลูก การใส่ปุ๋ย การกำจัดวัชพืช ได้สะดวก ความเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิตชาจีนแทบไม่มี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางคอยให้คำแนะนำส่งเสริมตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การปลูก การจัดการดิน การดูแลรักษาแปลง การเก็บเกี่ยว การประกันราคารับซื้อในราคาประกัน นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปชา ทำให้ผลิตชาจีนได้อย่างครบวงจรและยั่งยืน
2. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา คือ ทำให้ปริมาณน้ำไหลบ่าหน้าดินและตะกอนดินลดลง ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณแปลง 2000 สิ่งมีชีวิตต่างๆ พบเห็นได้มากขึ้น อาทิ ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ
3. ผลกระทบด้านสังคมวัฒนธรรม คือ ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต ทำให้เคารพในการใช้ที่ดินตามโซนการปลูก (zoning) ตามที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และสิทธิในการใช้น้ำ ทำให้เกิดความเข้มแข็งของสถาบันชุมชน มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น ความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ
สำหรับผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการนับว่าเป็นผลกระทบเชิงบวก เนื่องจากการทับถมของดินตะกอนบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำลดน้อยลงหรือแทบจะไม่มี
2.3 รูปภาพของเทคโนโลยี
คำอธิบายภาพ:
ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ในแปลงส่งเสริมการปลูกชาจีนบนพื้นที่สูง (แปลง 2000) ได้ถูกปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่แปลงไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จากเดิมที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ให้มีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่อง ให้เกษตรกรเผ่าปะหล่องปลูกชาจีนภายใต้ระบบเกษตรเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) เป็นเวลานานกว่า 19 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืน
2.4 วีดีโอของเทคโนโลยี
วันที่:
14/10/2018
สถานที่:
Ban Thap Sub-District, Mae Chaem District, Chiang Mai Province, 50270
ชื่อผู้ถ่ายวีดีโอ:
สมจิตต์ เลิศดิษยวรรณ
2.5 ประเทศภูมิภาค หรือสถานที่ตั้งที่เทคโนโลยีได้นำไปใช้และได้รับการครอบคลุมโดยการประเมินนี้
ประเทศ:
ไทย
ภูมิภาค/รัฐ/จังหวัด:
เชียงใหม่
ข้อมูลจำเพาะเพิ่มเติมของสถานที่ตั้ง :
แปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน (แปลง 2000) ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง
ระบุการกระจายตัวของเทคโนโลยี:
- กระจายไปอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่
If precise area is not known, indicate approximate area covered:
- 0.1-1 ตร.กม.
แสดงความคิดเห็น:
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีพื้นที่สำหรับวิจัยและทดสอบพันธุ์พืชเมืองหนาวประมาณ 1,811 ไร่ สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,400 เมตร มีหมู่บ้านชาวเขารอบสถานีฯ เป็นเขตส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ รวม 9 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านขอบด้ง บ้านนอแล บ้านหลวง บ้านปางม้า บ้านป่าคา บ้านคุ้ม บ้านผาแดง บ้านถ้ำง๊อบ และบ้านสินชัย รวมประชากรประมาณ 3,215 คน เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าจีนยูนาน ไทใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 17.7 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ในเดือนเมษายน และอุณหภูมิต่ำสุด -3 องศา ในเดือนมกราคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,075 มิลลิเมตรต่อปี สภาพพื้นที่ลาดชัน 20-35%
Map
×2.6 วันที่การดำเนินการ
ระบุปีที่ใช้:
1999
ถ้าไม่รู้ปีที่แน่นอน ให้ระบุวันที่โดยประมาณ:
- 10-50 ปี
2.7 คำแนะนำของเทคโนโลยี
ให้ระบุว่าเทคโนโลยีถูกแนะนำเข้ามาอย่างไร:
- ทางโครงการหรือจากภายนอก
ความคิดเห็น (ประเภทของโครงการ เป็นต้น) :
เป็นโครงการอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำ ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรชาวเขาบริเวณรอบๆ สถานีเกษตรหลางอ่างขาง ให้สามารถทำการเกษตรบนพื้นที่ความลาดชันสูงที่มีการใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน
ช่วยฟื้นคืนสภาพป่า คืนความอุดมสมบูรณ์ดิน ลดการชะล้าง/ดินถล่ม เพิ่มที่ดินทำกิน
3. การจัดประเภทของเทคโนโลยี SLM
3.1 วัตถุประสงค์หลักของเทคโนโลยี
- ปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น
- ลด ป้องกัน ฟื้นฟู การเสื่อมโทรมของที่ดิน
- อนุรักษ์ระบบนิเวศน์
- รักษาสภาพหรือปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ
- สร้างผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์
3.2 ประเภทของการใช้ที่ดินในปัจจุบันที่ได้นำเทคโนโลยีไปใช้
พื้นที่ปลูกพืช
- การปลูกพืชยืนต้นที่ไม่มีเนื้อไม้
- Tea
จำนวนของฤดูเพาะปลูกต่อปี:
- 1
ระบุ:
พืชหลัก(พืชเศรษฐกิจและพืชอาหาร): แปลง 2000 ปลูกชาจีน (Chinese Tea) มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Camellia sinensis var. sinensis พื้นที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีแปลงขั้นบันไดดินที่ปลูกพืชสมุนไพร เจียวกู่หลาน มีชื่อท้องถิ่นว่า ปัญจขันธ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Gynostemma pentaphyllum Makino จัดอยู่ในวงศ์แตง (Cucurbitacceae)
แสดงความคิดเห็น:
เกษตรกรเผ่าปะหล่อง จะปลูกชาจีนบนขั้นบันไดดิน ช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากหลังปลูกแล้วรากของชาจะกระทบกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีและไม่ประสบปัญหาเหมือนช่วงต้นฤดูฝน ต้นปักชำจะมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก่อนปลูก ใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 1.2 เมตร ระยะระหว่างต้น 60 เซนติเมตร มีจำนวนต้นประมาณ 2,200 ต้นต่อไร่ แต่บางช่วงของขั้นบันไดจะปลูกแบบแถวคู่สลับฟันปลา เว้นระยะห่างแถวคู่ประมาณ 40-45 เซนติเมตร ซึ่งในวันลงพื้นที่สำรวจพื้น เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 จะเห็นต้นชาที่เพิ่งปลูกแซมบนขั้นบันไดในแปลง 2000 ดังภาพล่างขวา(4)
3.3 Has land use changed due to the implementation of the Technology?
แสดงความคิดเห็น:
Ca : การปลูกพืชล้มลุก (Annual cropping) ในอดีตเกษตรกรชาวเขามีการปลูกข้าวไร่และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบหมุนเวียนในพื้นที่ป่า เพื่อเลี้ยงสมาชิกในครัวเรือน ก่อนที่ทางสถานีเกษตรหลวงเกษตรอ่างขางจะขอความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาที่ดินให้ช่วยจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เพื่อจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรชาวเขาทำการเกษตรในพื้นที่ที่มีการใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และใช้ที่ดินให้เกิดประสิทธิภาพและยั่งยืน
3.4 การใช้น้ำ
การใช้น้ำของที่ดินที่มีการใช้เทคโนโลยีอยู่:
- น้ำฝนร่วมกับการชลประทาน
แสดงความคิดเห็น:
การใช้ที่ดินเพื่อปลูกชาจีนในแปลง 2000 จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ก้านอ่อน และ พันธุ์เบอร์ 12 เป็นการปลูกแบบอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ร่วมกับระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย ที่มีระบบการกระจายน้ำจากบ่อ (แทงก์) ส่งตามท่อพีวีซีไปยังแปลงปลูก ซึ่งวิธีให้น้ำแบบนี้ต้องลงทุนสูงแต่ให้ผลคุ้มค่า
3.5 กลุ่ม SLM ที่ตรงกับเทคโนโลยีนี้
- มาตรการปลูกพืชขวางความลาดชัน (cross-slope measure)
- การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติบนพื้นฐานของระบบนิเวศ
3.6 มาตรการ SLM ที่ประกอบกันเป็นเทคโนโลยี
มาตรการอนุรักษ์ด้วยวิธีพืช
- V2: หญ้าและไม้ยืนต้น
มาตรการอนุรักษ์ด้วยโครงสร้าง
- S1: คันดิน
แสดงความคิดเห็น:
เทคโนโลยีขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร ที่จัดทำขึ้นเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำบริเวณป่าต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเป็นต้องอาศัยผู้มีความรู้/ความเชี่ยวชาญด้านการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่สูง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งเกษตรกรไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง แต่จะช่วยรักษาขั้นบันไดให้คงสภาพสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อปลูกชาได้อย่างยั่งยืนต่อไป..
3.7 รูปแบบหลักของการเสื่อมโทรมของที่ดินที่ได้รับการแก้ไขโดยเทคโนโลยี
การกัดกร่อนของดินโดยน้ำ
- Wt (Loss of topsoil): การสูญเสียดินชั้นบนหรือการกัดกร่อนที่ผิวดิน
แสดงความคิดเห็น:
ด้วยเหตุที่ทรัพยากรดินเสื่อมโทรมลงเนื่องด้วยพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ถูกรบกวนจากภัยธรรมชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกและภัยมนุษย์ โดยเกษตรกรชาวเขาได้บุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยบริเวณไหล่เขามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธาตุอาหารพืชสูญเสียไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศ ป่าต้นน้ำลำธาร จึงจำเป็นต้องหาทางแนวทางป้องกันและลดความเสื่อมโทรมของที่ดิน เพื่อให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืน
3.8 การป้องกัน การลดลง หรือการฟื้นฟูความเสื่อมโทรมของที่ดิน
ระบุเป้าหมายของเทคโนโลยีกับความเสื่อมโทรมของที่ดิน:
- ป้องกันความเสื่อมโทรมของที่ดิน
- ลดความเสื่อมโทรมของดิน
แสดงความคิดเห็น:
ข้อสังเกต มาตรการอนุรักษ์ด้วยโครงสร้างขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ในแปลง 2000 ที่จัดทำขึ้น สามารถช่วยป้องกันและลดความเสื่อมโทรมของที่ดินได้ ซึ่งจากสภาพพื้นที่เดิมเป็นแปลงไม้ผลเขตหนาวที่เสื่อมโทรม ให้ผลผลิตต่ำมาก มีการชะล้างพังทลายของดินสูง เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม จนกระทั่งปี พ.ศ.2542 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ได้ขอรับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดิน โดย ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่ดินโครงการหลวง ศพล. ให้เข้ามาดำเนินการปรับเปลี่ยนพื้นที่ลาดชันภูเขาสูงที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เป็นขั้นบันไดดินแบบต่อเนื่อง
โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและกรมชลประทานให้การสนับสนุนเรื่องไฟฟ้าและการชลประทาน
4. ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิค กิจกรรมการนำไปปฏิบัติใช้ ปัจจัยนำเข้า และค่าใช้จ่าย
4.1 แบบแปลนทางเทคนิคของเทคโนโลยี
ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิค (แบบแปลนทางเทคนิคของเทคโนโลยี):
1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการ ในช่วงปี พ.ศ.2542-2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางประสานขอให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการสำรวจคัดเลือกพื้นที่ภูเขาสูงที่มีความลาดชันประมาณ 20-35 เปอร์เซ็นต์ บริเวณแปลงปลูกไม้ผลเขตหนาวเก่าของสถานีฯ ที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และมีสภาพเสื่อมโทรม ให้ผลผลิตต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดการชะล้างพังทลายและดินถล่ม เพื่อออกแบบและจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ คือ ขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร สำหรับใช้เป็นแปลงส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการปลูกชาจีนเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ดังกล่าวให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่องเพื่อสร้างรายได้และใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืน ผลสำรวจดินพบว่าดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในกลุ่มชุดดินที่ 29 ชุดดินแม่แตง เป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย สี น้ำตาลปนแดงเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดินล่างเป็นดินเหนียว สีแดงเข้มถึงสีแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5)
2. การทำการปักหลักกำหนดแนวขุดตั้งแต่จุดสูงสุดของพื้นที่จนถึงจุดต่ําสุดเพื่อใช้เป็นแนวการขุดแรก จากนั้นปักหลักกําหนดแนวขุดในแนวขึ้น-ลง ตามความลาดชัน มีระยะห่างระหว่างไม้ที่ปักเท่ากับระยะห่างของขั้นบันไดดิน เท่ากับ 3 เมตร โดยจะปักไม้ที่จุดกึ่งกลางของบันไดดิน จากนั้นจึงปักหลักวางแนวขุดในแนวระดับ แนวแรกที่จุดสูงสุดของพื้นที่ กําหนดความกว้างของเส้นระดับประมาณ 3.0 เมตร และลาดเอียง 1-2 องศา เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่
3. การดําเนินการขุด-ถม เคลื่อนย้ายดินและปรับแต่งพื้นที่ ทำการขุดดินจากล่างขึ้นบน โดยใช้เครื่องจักรขุดดินจากขอบแปลงด้านล่างขึ้นไปทําเป็นขั้นบันไดดินเหนือจุดที่ขุด พร้อมทั้งปรับระดับแปลงให้มีความสม่ำเสมอ จึงเคลื่อนย้ายดิน ปรับแต่ง และบดอัดแน่น ทําขั้นบันไดดินให้มีความกว้างประมาณ 3.0 เมตร เอียงเข้าหาตลิ่งประมาณ 1-2 องศา และให้มีความหนาของดินเพิ่มอีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อกันการยุบตัว โดยมีชั้นของอินทรียวัตถุอยู่ชั้นบนสุด กำหนดความสูงของขั้นบันไดดินแต่ละขั้นไม่เกิน 1.8 เมตร ดังนั้นจึงตัดดินลงไป 0.9 เมตร และเติมดิน 0.9 เมตร
4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได 2 แถว โดยปลูกบริเวณเหนือแนวขั้นบันไดดินด้านบน 1 แถว และปลูกบริเวณแนวดินถมอีก 1 แถว ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 10 เซนติเมตร 5. การปลูกชาจีน แปลง 2000
5.1 การคัดเลือกเกษตรกรและจัดสรรที่ดิน หลังจากจัดทำขั้นบันไดดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.2543 ทางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้คัดเลือกและจัดสรรที่ดินปลูกชาให้แก่เกษตรกรเผ่าปะหล่อง 50 ครัวเรือน ทำแปลงส่งเสริมการปลูกชาจีน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ก้านอ่อน และพันธุ์เบอร์ 12
5.2 ฤดูปลูกที่เหมาะสม เกษตรกรเผ่าปะหล่อง จะปลูกชาจีนบนขั้นบันไดดิน ช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เนื่องจากหลังปลูกแล้วรากของชาจะกระทบกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีและไม่ประสบปัญหาเหมือนช่วงต้นฤดูฝน
5.3 ระยะปลูก ต้นปักชำจะมีอายุประมาณ 10-12 เดือน ก่อนปลูก ใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 1.2 เมตร ระยะระหว่างต้น 60 เซนติเมตร มีจำนวนต้นประมาณ 2,200 ต้นต่อไร่ แต่บางช่วงของขั้นบันไดจะปลูกแบบแถวคู่สลับฟันปลา เว้นระยะห่างแถวคู่ประมาณ 40-45 เซนติเมตร
6. การดูแลรักษาแปลง 2000
6.1 การใส่ปุ๋ย เน้นการใช้ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ที่ผลิตเองในกลุ่ม โดยการขุดร่องยาวบริเวณปลายทรงพุ่มต้นชา ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ทั้งสองด้าน ใส่อัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น ใน 1 ปี จะใส่ประมาณ 3 ครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม และยังใช้ปุ๋ยน้ำอินทรีย์เสริมให้กับต้นชาเพื่อยืดยอดชาให้เขียวเข้ม อวบ ได้น้ำหนักดี
6.2 การให้น้ำ เป็นการปลูกแบบอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ร่วมกับระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย ที่มีระบบการกระจายน้ำจากบ่อ (แทงก์) ส่งตามท่อพีวีซีไปยังแปลงปลูก
6.3 การเก็บเกี่ยว ชาอินทรีย์จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม และจะพักตัวในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ปัจจุบันพันธุ์เบอร์ 12 ผลผลิตเฉลี่ย 800 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 5-6 ครั้ง ส่วนพันธุ์ก้านอ่อน ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรัมต่อไร่ 1 ปี เก็บได้ 4-5 ครั้ง ทำให้มีรายได้เฉลี่ยปีละ 100,000-300,000 บาท ต่อราย โดยมีผลผลิตรวมของเกษตรกรประมาณ 60,000 กิโลกรัมต่อปี
7. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร แปลงชา 2000 เกษตรกรจะดำเนินการซ่อมแซมขั้นบันไดเองในกรณีที่เกิดการชำรุด/ถูกกัดเซาะจากแรงน้ำฝนและแรงน้ำไหลบ่า โดยจะซ่อมแซมในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนเมษายน ยกเว้นเกิดร่องรอยชำรุดมาก ทางกรมพัฒนาที่ดินจะสนับสนุนการซ่อมบำรุงดังกล่าว อัตราไร่ละ 500 บาท
ผู้เขียน:
นางสาวถนอมขวัญ ทิพวงศ์
4.2 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการคำนวณปัจจัยนำเข้าและค่าใช้จ่าย
ให้ระบุว่าค่าใช้จ่ายและปัจจัยนำเข้าได้รับการคำนวณอย่างไร:
- ต่อพื้นที่ที่ใช้เทคโนโลยี
ระบุขนาดและหน่วยพื้นที่:
พื้นที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดินต่อเนื่องฐาน 3 เมตร เนื้อที่ 15.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 96.4375 ไร่ หรือ 15.43 เฮกตาร์
If using a local area unit, indicate conversion factor to one hectare (e.g. 1 ha = 2.47 acres): 1 ha =:
15.43
อื่นๆ หรือสกุลเงินประจำชาติ (ระบุ):
บาท
If relevant, indicate exchange rate from USD to local currency (e.g. 1 USD = 79.9 Brazilian Real): 1 USD =:
15448.6
ระบุค่าเฉลี่ยของค่าจ้างในการจ้างแรงงานต่อวัน:
175.82
4.3 กิจกรรมเพื่อการจัดตั้ง
กิจกรรม | Timing (season) | |
---|---|---|
1. | 1. การสำรวจคัดเลือกพื้นที่และออกแบบขั้นบันไดดิน | Sปีแรก (2541) |
2. | 2. การทำหลักกำหนดแนวการขุด | Sปีแรก (2541) |
3. | 3. ดําเนินการขุด เคลื่อนย้ายดิน และปรับแต่งพื้นที่ | Sก่อนฤดูฝน(2542) |
4. | 4. การปลูกหญ้าแฝกรักษาขั้นบันได | Vช่วงต้นฤดูฝน(2542) |
5. | 5. การปลูกชาจีน (เตรียมที่ดิน การปลูก) | Mฤดูฝน(ส.ค.-ต.ค.43) |
6. | 6. การใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม | Mก.พ., มิ.ย., ต.ค. |
7. | 7. การให้น้ำ | Mตลอดช่วงปลูก |
8. | 8. การใส่ปุ๋ย | Mตลอดช่วงปลูก |
9. | 9. การเก็บเกี่ยว | Aช่วงเก็บเกี่ยว |
10. | 10. การบำรุงรักษาเทคโนโลยีขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร | ?ช่วงฤดูแล้ง(เม.ย.) |
แสดงความคิดเห็น:
-
4.4 ค่าใช้จ่ายของปัจจัยนำเข้าที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้ง
ปัจจัยนำเข้า | หน่วย | ปริมาณ | ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย | ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า | %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน | |
---|---|---|---|---|---|---|
แรงงาน | สำรวจพื้นที่ 1 วัน | แรง | 0.5 | 175.82 | 87.91 | |
แรงงาน | ปักแนวไม้หลักกำหนดแนวขุด ขึ้น-ลง และแนวระดับ 1 วัน | แรง | 4.0 | 175.82 | 703.28 | |
แรงงาน | ปลูกหญ้าแฝก ระยะห่าง 10 ซม. (1 แถว 40 ม. = 400 กล้าx8 แถว) | กล้า | 3200.0 | 1.65 | 5280.0 | |
แรงงาน | แรงงานขุดดินปริมาตร 2.4 ม3/ม | ลบ.ม. | 88.0 | 100.88 | 8877.44 | |
อุปกรณ์ | เครื่องจักรกลขุดปริมาตร 2.4 ม.3/ม | ลบ.ม. | ||||
อุปกรณ์ | ไม้หลัก | อัน | 100.0 | 5.0 | 500.0 | |
วัสดุด้านพืช | กล้าหญ้าแฝก (พด. สนับสนุน) | กล้า | 3200.0 | |||
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการจัดตั้งเทคโนโลยี | 15448.63 | |||||
Total costs for establishment of the Technology in USD | 1.0 |
ถ้าผู้ใช้ที่ดินรับภาระน้อยกว่า 100% ของค่าใช้จ่าย ให้ระบุว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบส่วนที่เหลือ:
กรมพัฒนาที่ดิน โดย ศพล. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดทำขั้นบันไดดินทั้งหมด
แสดงความคิดเห็น:
-
4.5 การบำรุงรักษาสภาพหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
กิจกรรม | ช่วงระยะเวลา/ความถี่ | |
---|---|---|
1. | ซ่อมแซมขั้นบันไดดิน | Sซ่อมฤดูแล้ง 3-5 ปี ครั้ง |
แสดงความคิดเห็น:
กรณีที่ขั้นบันไดดินชำรุดไม่มาก ขนาดร่องริ้วกว้าง 5--20 เซนติเมตร และลึกไม่มาก ส่วนใหญ่เกษตรกรเจ้าของแปลงจะดำเนินการซ่อมปรับแต่งขั้นบันไดเองในช่วงฤดูแล้ง
4.6 ค่าใช้จ่ายของปัจจัยนำเข้าและกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำที่ต้องการการบำรุงรักษา (ต่อปี)
ปัจจัยนำเข้า | หน่วย | ปริมาณ | ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย | ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปัจจัยนำเข้า | %ของค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยผู้ใช้ที่ดิน | |
---|---|---|---|---|---|---|
แรงงาน | แรงงานปรับแต่งขั้นบันไดดิน | แรง | 1.0 | 500.0 | 500.0 | 100.0 |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการบำรุงรักษาสภาพเทคโนโลยี | 500.0 | |||||
Total costs for maintenance of the Technology in USD | 0.03 |
ถ้าผู้ใช้ที่ดินรับภาระน้อยกว่า 100% ของค่าใช้จ่าย ให้ระบุว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบส่วนที่เหลือ:
ค่าใช้จ่ายดำเนินงานบำรุงรักษาขั้นบันไดดินทั้งหมด รับผิดชอบโดย ศพล.พด.
แสดงความคิดเห็น:
-
4.7 ปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ:
construction of continuous bench terrace and maintenance cost, which it is all invested by government sector, Land Development Department.
5. สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและของมนุษย์
5.1 ภูมิอากาศ
ฝนประจำปี
- < 250 ม.ม.
- 251-500 ม.ม.
- 501-750 ม.ม.
- 751-1,000 ม.ม.
- 1,001-1,500 ม.ม.
- 1,501-2,000 ม.ม.
- 2,001-3,000 ม.ม.
- 3,001-4,000 ม.ม.
- > 4,000 ม.ม.
ระบุปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี (ถ้ารู้) :หน่วย ม.ม.
1925.30
ข้อมูลจำเพาะ/ความคิดเห็นเรื่องปริมาณน้ำฝน:
•จำนวนวันฝนตก 160.9 วันต่อปี •วันที่มีปริมาณฝนตกหนักสูงสุด (Daily max.) เฉลี่ย149.4 มม/วัน ในเดือนตุลาคม •เกิดพายุ (Thunderstorm) เฉลี่ย 57.5 วันต่อปี มากสุดในเดือน พ.ค. เกิดขึ้น 10.5 วัน
ระบุชื่อของสถานีตรวดวัดอากาศที่ใช้อ้างอิงคือ:
DOI ANG KANG (Index station คือ 48302) Latitude 19° 55' 53.0" N Longitude 99° 2' 54.0" E สถานีอยู่สูงจาก MSL 1529 เมตร ปีเก็บข้อมูล ค.ศ.2006-2015 (10 ปี ย้อนหลัง)
เขตภูมิอากาศเกษตร
- กึ่งชุ่มชื้น
จากข้อมูลสถานีอุตุ 48302 พบว่า ระยะเวลาช่วงที่หยาดน้ำฟ้าสูงมากกว่าครึ่งหนึ่งของศักยภาพการคายระเหยน้ำ(PET) อยู่ระหว่าง พ.ค.-ต.ค. หรือประมาณ 6 เดือน = 180 วัน จึงจัดเป็นเขตกึ่งชุ่มชื้น
5.2 สภาพภูมิประเทศ
ค่าเฉลี่ยความลาดชัน:
- ราบเรียบ (0-2%)
- ลาดที่ไม่ชัน (3-5%)
- ปานกลาง (6-10%)
- เป็นลูกคลื่น (11-15%)
- เป็นเนิน (16-30%)
- ชัน (31-60%)
- ชันมาก (>60%)
ธรณีสัณฐาน:
- ที่ราบสูง/ที่ราบ
- สันเขา
- ไหล่เขา
- ไหล่เนินเขา
- ตีนเนิน
- หุบเขา
ระดับความสูง:
- 0-100 เมตร
- 101-500 เมตร
- 501-1,000 เมตร
- 1,001-1,500 เมตร
- 1,501-2,000 เมตร
- 2,001-2,500 เมตร
- 2,501-3,000 เมตร
- 3,001-4,000 เมตร
- > 4,000 เมตร
ให้ระบุถ้าเทคโนโลยีได้ถูกนำไปใช้:
- ไม่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็นและข้อมูลจำเพาะเพิ่มเติมเรื่องสภาพภูมิประเทศ:
ใช้เทคโนโลยีบริเวณ •เนินเขา slope 20-35% •ลาดชันเชิงซ้อน/ลาดชันสูง slope >35%
การจำแนกระดับความลาดชัน by LDD •เนินเขา slope 20-35% •ลาดชันเชิงซ้อน/ลาดชันสูง slope >35%
5.3 ดิน
ค่าเฉลี่ยความลึกของดิน:
- ตื้นมาก (0-20 ซ.ม.)
- ตื้น (21-50 ซ.ม.)
- ลึกปานกลาง (51-80 ซ.ม.)
- ลึก (81-120 ซ.ม.)
- ลึกมาก (>120 ซ.ม.)
เนื้อดิน (ดินชั้นบน):
- ปานกลาง (ดินร่วน ทรายแป้ง)
เนื้อดินล่าง (> 20 ซ.ม.ต่ำจากผิวดิน):
- ละเอียด/หนัก (ดินเหนียว)
อินทรียวัตถุในดิน:
- ปานกลาง (1-3%)
(ถ้ามี) ให้แนบคำอธิบายเรื่องดินแบบเต็มหรือระบุข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ชนิดของดิน ค่า pH ของดินหรือความเป็นกรดของดิน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก ไนโตรเจน ความเค็ม เป็นต้น:
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบ 16,577 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่งเสริมหลัก 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านนอแล บ้านขอบด้ง บ้านปางม้า บ้านคุ้ม และ บ้านหลวง ประชากร จำนวน 3,929 คน 703 ครอบครัว ประกอบด้วย เผ่าปะหล่อง, มูเซอดำ, ไทใหญ่ และจีนยูนาน ศาสนา พุทธ, คริสต์เป็นส่วนใหญ่ และนับถือผีบางส่วน ภูมิทัศน์โดยรวมมีสภาพเป็นเทือกเขาสูง สลับซับซ้อน ล้อมรอบ ที่ตั้ง มีลักษณะเป็นรูปแอ่งกระทะ มีพื้นที่เกษตรกรรมที่มีการส่งเสริมชุมชนชาวเขาปลูกพืชเมืองหนาว และเป็นพื้นที่ทหารและความมั่นคงชายแดน สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าสนและป่าดิบ ดินอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,400 เมตร แม่น้ำที่สำคัญมีทั้งหมด 4 สาย คือ ห้วยแห้ง ห้วยซ่าน ห้วยอ่างขาง และห้วยแม่เผอะ
ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินชุดบ้านหลวง (Ban Luang Series) ดินร่วนเหนียว ดินชุดอ่างขาง (Angkhang Series) เป็นดินที่เกิดจากหินปูน หินเชลล์ ดินดาน สภาพของดินโดยรวมมีโครงสร้างดินดี พื้นที่มีความลาดชันสูงสภาพค่อนข้างเป็นกรด (pH 4.5-6.0)
5.4 ความเป็นประโยชน์และคุณภาพของน้ำ
ระดับน้ำใต้ดิน:
> 50 เมตร
น้ำไหลบ่าที่ผิวดิน:
ดี
คุณภาพน้ำ (ที่ยังไม่ได้บำบัด):
เป็นน้ำใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น (การชลประทาน)
ความเค็มของน้ำเป็นปัญหาหรือไม่:
ไม่ใช่
กำลังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่หรือไม่:
ไม่ใช่
ความคิดเห็นและข้อมูลจำเพาะเพิ่มเติมเรื่องคุณภาพและปริมาณน้ำ:
แต่เดิมที่ไม่มีการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เมื่อฝนตกหนักโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนจะทำให้เกิดน้ำกัดเซาะและไหลบ่ารุนแรง พัดพาเอาดินบนหายไปจากพื้นที่ปลูก ทำให้อินทรียวัตถุและธาตุอาหารพืชสูญเสียไป บริเวณที่เกิดเป็นร่องริ้ว ร่องลึก ทำให้ยากต่อการไถพรวน และปฏิบัติงานแปลง และส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำเกิดการสะสมตะกอนดินจนร่องน้ำ แหล่งน้ำตามธรรมชาติตื้นเขิน
5.5 ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชนิดพันธุ์:
- สูง
ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่:
- ปานกลาง
ความคิดเห็นและข้อมูลจำเพาะเพิ่มเติมของความหลากหลายทางชีวภาพ:
บริเวณแปลง 2000สามารถพบเห็นแมลงตัวห้ำและแมลงตัวเบียน อาทิ แมลงปอ ด้วงเต่าลาย มวน ผึ้ง มด ฯลฯ ไส้เดือนดิน เป็นต้น
5.6 ลักษณะของผู้ใช้ที่ดินที่นำเทคโนโลยีไปปฏิบัติใช้
อยู่กับที่หรือเร่ร่อน:
- อยู่กับที่
แนวทางการตลาดของระบบการผลิต:
- mixed (subsistence/ commercial)
รายได้ที่มาจากนอกฟาร์ม:
- < 10% ของรายได้ทั้งหมด
ระดับของความมั่งคั่งโดยเปรียบเทียบ:
- พอมีพอกิน
เป็นรายบุคคล/ครัวเรือน:
- กลุ่ม/ชุมชน
ระดับของการใช้เครื่องจักรกล:
- งานที่ใช้แรงกาย
เพศ:
- หญิง
- ชาย
อายุของผู้ใช้ที่ดิน:
- ผู้เยาว์
- วัยกลางคน
- ผู้สูงอายุ
ระบุลักษณะอื่นๆที่เกี่ยวข้องของผู้ใช้ที่ดิน:
ที่ดิน เกษตรกรเจ้าของแปลงและสมาชิกในครอบครัวจะช่วยกันปฏิบัติงานแปลง เช่น เก็บเกี่ยวใบชา กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ย ปลูกซ่อมต้นชา ฯลฯ โดยจะไม่นิยมจ้างแรงงาน
5.7 Average area of land used by land users applying the Technology
- < 0.5 เฮกตาร์
- 0.5-1 เฮกตาร์
- 1-2 เฮกตาร์
- 2-5 เฮกตาร์
- 5-15 เฮกตาร์
- 15-50 เฮกตาร์
- 50-100 เฮกตาร์
- 100-500 เฮกตาร์
- 500-1,000 เฮกตาร์
- 1,000-10,000 เฮกตาร์
- >10,000 เฮกตาร์
พิจารณาว่าเป็นขนาดเล็ก กลาง หรือขนาดใหญ่ (ซึ่งอ้างอิงถึงบริบทระดับท้องถิ่น):
- ขนาดเล็ก
แสดงความคิดเห็น:
นายจาย หัวหน้าแปลง 2000 มีพื้นที่ปลูกชา จำนวน 4 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ปลูกพืช สมุนไพรเจียวกู่หลาน จำนวน 1 ไร่ และพื้นที่เช่า 1 ไร่
5.8 กรรมสิทธิ์ในที่ดิน สิทธิในการใช้ที่ดินและสิทธิในการใช้น้ำ
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน:
- รายบุคคล ไม่ได้รับสิทธิครอบครอง
สิทธิในการใช้ที่ดิน:
- เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
สิทธิในการใช้น้ำ:
- เกี่ยวกับชุมชน (ถูกจัดระเบียบ)
ระบุ:
-
แสดงความคิดเห็น:
นายจาย และผู้ใช้ที่ดินรายอื่น ล้วนไร้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน เป็นเพียงสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดินทางการเกษตร โดยผ่านการจัดสรรที่ดินทำกินของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เพื่อแบ่งเป็นโซนปลูกไม้ผล โซนปลูกพืชผัก โซนปลูกไม้ดอก/ไม้ประดับ เป็นต้น
5.9 การเข้าถึงบริการและโครงสร้างพื้นฐาน
สุขภาพ:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
การศึกษา:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
การจ้างงาน (เช่น ภายนอกฟาร์ม):
- จน
- ปานกลาง
- ดี
ตลาด:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
พลังงาน:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
ถนนและการขนส่ง:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
น้ำดื่มและการสุขาภิบาล:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
บริการด้านการเงิน:
- จน
- ปานกลาง
- ดี
แสดงความคิดเห็น:
มีกลุ่มสหกรณ์ฯ ช่วยสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย
ชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืช ฯลฯ
6. ผลกระทบและสรุปคำบอกกล่าว
6.1 ผลกระทบในพื้นที่ดำเนินการ (On-site) จากการใช้เทคโนโลยี
ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
การผลิต
การผลิตพืชผล
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ หมุนเวียน /ไร่เลื่อนลอย เพื่อยังชีพ
• หลัง SLM ปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้มีรายได้ตลอดปี มีเจ้าหน้าที่สถานีฯ ให้คำแนะนำส่งเสริม พันธุ์ การปลูก การผลิต เก็บเกี่ยว รับซื้อราคาประกัน มีโรงงานแปรรูปชา มีตลาด ทำให้ผลิตชาได้อย่างยั่งยืน (ครบวงจร)
การเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการผลิต
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
• ก่อน SLM ทำเกษตรไร่เลื่อนลอย=เสี่ยง
• หลัง SLM ปลูกชา พืชสมุนไพร ได้ตลอดทั้งปี =เสี่ยงลดลงอย่างมาก
พื้นที่สำหรับการผลิต
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
• ละเลยได้
การจัดการที่ดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
• ก่อน SLM ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ ไม้ผล บนพื้นที่ลาดชัน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ และเกิดการชะล้างพังทลายของดิน เกิดร่องริ้ว ปุ๋ยไหลไปกับน้ำไหลบ่า
• หลัง SLM ได้รับจัดสรรที่ดินเพื่อปลูกชาอินทรีย์โครงการ แปลง 2000 ทำให้ส่งเสริมการปลูกชา การปฏิบัติงานแปลงง่ายขึ้น
ความเป็นประโยชน์และคุณภาพของน้ำ
ความต้องการน้ำจากการชลประทาน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
เนืองจากจำเป็นต้องใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง
รายได้และค่าใช้จ่าย
ค่าใช่จ่ายของปัจจัยการผลิตทางการเกษตร
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
เนื่องจากต้องมีการดูแลรักษาระบบและต้นชาเพิ่มมากขึ้น
รายได้จากฟาร์ม
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ก่อน SLM มีพอยังชีพ
• หลัง SLM มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
เกษตรกรได้รับโอกาศที่เท่าเทียมกัน
ภาระงาน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ภาระงานเพิ่มากขึ้น เนื่องจากต้องดูแลต้นชาอย่างใกล้ชิด และมีการเก็บเกี่ยวเกือบทุกวัน และต่อเนื่อง
ผลกระทบด้านสังคมวัฒนธรรมอื่น ๆ
การใช้ที่ดิน / สิทธิในการใช้น้ำ
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
มีการใช้ที่ดินตามกลุ่มพืช (zoning) ที่ได้รับจัดสรรจากสถานีฯ และมีสิทธิใช้น้ำ
สถาบันของชุมชน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
มีการรวมกลุ่มผลิตพืชต่างๆ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ ชุมชนเข้มแข็งขึ้น
SLM หรือความรู้เรื่องความเสื่อมโทรมของที่ดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ตระหนักรู้ว่าการใช้ที่ดินบริเวณไหล่เขา เนินเขา ทำให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูญเสียปุ๋ยไปกับตะกอนดินและน้ำไหลบ่า จำเป็นต้องทำขั้นบันไดดินเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ
สถานการณ์ของกลุ่มด้อยโอกาส ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับโอกาสรับการจัดสรรที่ดินทำกินตามกลุ่มพืชที่ตนเองถนัดและต้องการผลิต
ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
วัฐจักรน้ำหรือน้ำบ่า
น้ำไหลบ่าที่ผิวดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบช่วยให้มีการกักเก็บน้ำไว้ในดิน น้ำไหลบ่าลดลง
ดิน
ความชื้นในดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบนี้ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในดินมากขึ้น ความชื้นในดินคงอยู่นานมากขึ้น
สิ่งปกคลุมดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบช่วยให้มีพืชคลุมดินมากขึ้น
การสูญเสียดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบทำให้สูญเสียดินลดลงอย่างมาก
การสะสมของดิน
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
แต่เดิมหน้าดินจะถูกชะล้างและไปสะสมที่ตอนล่าง แต่ระบบนี้ช่วยลดการสูญเสียดินในพื้นที่ลาดชัน
ความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์
การปกคลุมด้วยพืช
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบทำให้มีพืชปกคลุมดินมากขึ้นและตลอดทั้งปี
ชนิดพันธุ์ที่ให้ประโยชน์
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบช่วยให้พบสัตว์/แมลงมากขึ้น เช่น ไส้เดือน ผึ้ง แมลงปอ แมงมุม แมลงเต่าทอง ฯลฯ
การจัดการศัตรูพืชและโรคพืช
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
เกษตรกรจะได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ และใช้ในลักษระของเกษตรอินทรีย์
ลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ
ดินถล่ม/ ซากต่าง ๆ ที่ถูกพัดพามา
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ลดการเกิดร่องลึก การพังทลายของดิน
Specify assessment of on-site impacts (measurements):
almost land users have been continuously advised in tea plantation and organic farming by local officers of the Station.
6.2 ผลกระทบนอกพื้นที่ดำเนินการ (Off-site) จากการใช้เทคโนโลยี
น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ
จำนวนก่อน SLM:
เพิ่ม
หลังจาก SLM:
ลด
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ขั้นบันได+พืชปลูก ช่วยลดความแรงของน้ำไหลบ่า ทำให้น้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำลดลง และ ลดการพังทลายของดิน ทำให้ดินตะกอนท้ายน้ำลดลง
การทับถมของดินตะกอนพื้นที่ท้ายน้ำ
แสดงความคิดเห็น/ระบุ:
ระบบช่วยลดปริมาณของตะกอนดินในน้ำไหลบ่า
Specify assessment of off-site impacts (measurements):
-
6.3 การเผชิญและความตอบสนองของเทคโนโลยีต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ค่อยเป็นค่อยไป และสภาพรุนแรงของภูมิอากาศ / ภัยพิบัติ (ที่รับรู้ได้โดยผู้ใช้ที่ดิน)
สภาพรุนแรงของภูมิอากาศ (ภัยพิบัติ)
ภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยา
เทคโนโลยีมีวิธีการรับมืออย่างไร | |
---|---|
พายุฝนประจำท้องถิ่น | ดีมาก |
ภัยพิบัติจากน้ำ
เทคโนโลยีมีวิธีการรับมืออย่างไร | |
---|---|
ดินถล่ม | ดี |
แสดงความคิดเห็น:
-
6.4 การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ที่ได้รับ
ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งเป็นอย่างไร (จากมุมมองของผู้ใช้ที่ดิน)
ผลตอบแทนระยะสั้น:
ด้านบวก
ผลตอบแทนระยะยาว:
ด้านบวกอย่างมาก
ผลประโยชน์ที่ได้รับเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหรือต้นทุนที่เกิดขึ้นซ้ำอีก เป็นอย่างไร (จากมุมมองของผู้ใช้ที่ดิน)
ผลตอบแทนระยะสั้น:
ด้านบวก
ผลตอบแทนระยะยาว:
ด้านบวกอย่างมาก
แสดงความคิดเห็น:
ผู้ใช้ที่ดินไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการจัดสร้างขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร เนื่องจากรัฐ โดย ศพล.พด.เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดทำทั้งหมด ยกเว้นการซ่อมบำรุงขั้นบันไดที่เกษตรกรเจ้าของที่ดินจัดสรรดำเนินการปรังแต่งเอง (เป็นค่าแรงงานตนเอง)
6.5 การปรับตัวของเทคโนโลยี
- 11-50%
ถ้ามีข้อมูลให้บอกปริมาณด้วย (จำนวนของครัวเรือนหรือครอบคลุมพื้นที่):
เฉพาะปลูกชาอินทรีย์ แปลง 2000 มีเกษตรกรจำนวน 39 ราย ที่ทำการเกษตรชาขั้นบันได และยังมีพื้นที่แปลงปลูกพืชสมุนไพร ไม้ผล พืชผัก อื่นๆ ที่ทำขั้นบันไดดินฐาน 3 เมตร ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
Of all those who have adopted the Technology, how many did so spontaneously, i.e. without receiving any material incentives/ payments?
- 0-10%
แสดงความคิดเห็น:
หากเกษตรกรไม่มีแรงจูงใจดังกล่าว จะไม่ทำขั้นบันไดดินอย่างแน่นอน (0%) เนื่องจากเป็นโครงสร้างอนุรักษ์ดินและน้ำที่มีต้นทุนสูงมาก ต้องใช้เครื่องจักรกล และต้องอาศัยนักวิชาการและนายช่างผู้มีความรู้และชำนาญงานดำเนินการจึงจะทำสำเร็จ
6.6 การปรับตัว
เทคโนโลยีได้รับการปรับเปลี่ยนเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลงหรือไม่:
ไม่ใช่
6.7 จุดแข็ง / ข้อได้เปรียบ / โอกาสของเทคโนโลยี
จุดแข็ง / ข้อได้เปรียบ / โอกาสในทัศนคติของผู้ใช้ที่ดิน |
---|
ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณดินตะกอน |
ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ย เนื่องจากไม่สูญเสียธาตุอาหารพืชในรูปของปุ๋ยไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดิน |
ช่วยให้เกษตกรปฏิบัติหรือจัดการพื้นที่เกษตรได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น |
จุดแข็ง / ข้อได้เปรียบ / โอกาสในทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรหลัก |
---|
ขั้นบันไดดินช่วยชะลอความแรงและลดความเร็วของน้ำไหลบ่าหน้าดิน และลดปริมาณการสูญเสียดิน |
ขั้นบันไดสามารถช่วยดักกรองน้ำฝน ทำให้น้ำฝนค่อยๆ แทรกซึมลงไปในดินได้มากขึ้น สร้างความชื้นในดิน น้ำฝนส่วนที่เกินก็จะค่อยๆ ไหลบ่าลงไปเป็นชั้นๆ ตามขั้นบันไดดิน |
เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ช่วยให้เกษตรกรประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ย (ทั้งปริมาณปุ๋ยที่ใช้ และเวลาใส่ปุ๋ย) เนื่องจากปริมาณธาตุอาหารพืชในปุ๋ยที่สูญเสียไปกับน้ำไหลบ่าและตะกอนดินน้อยลง |
ช่วยให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติงานได้สะดวกมากขึ้น ไม่เสี่ยงต่อการลื่นไถลจากที่สูงลงไป. |
6.8 จุดอ่อน / ข้อเสียเปรียบ / ความเสี่ยงของเทคโนโลยีและวิธีการแก้ไข
จุดอ่อน / ข้อเสียเปรียบ / ความเสี่ยงในทัศนคติของผู้ใช้ที่ดิน | มีวิธีการแก้ไขได้อย่างไร |
---|---|
เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายสูง/แพง | รัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ |
ต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง | รัฐช่วยจัดเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ |
ขั้นบันไดดินชำรุด | ดูแล ซ่อมแซม ด้วยตนเองได้ หากชำรุดไม่มาก |
จุดอ่อน / ข้อเสียเปรียบ / ความเสี่ยงในทัศนคติของผู้รวบรวมหรือวิทยากรหลัก | มีวิธีการแก้ไขได้อย่างไร |
---|---|
เทคโนโลยีมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกล | หน่วยงานของรัฐควรช่วยสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ |
จำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้ ความชำนาญ ในการออกแบบและก่อสร้าง | เจ้าหน้ารัฐควรช่วยให้ความรู้ และดำเนินงานก่อสร้าง |
การเกิดความเสียหายต่อขั้นบันไดดิน (ขั้นบันไดดินชำรุด) จากน้ำฝนและน้ำไหลบ่าหน้าดิน หรือเหตุการณ์อื่นๆ | ต้องจัดหางบประมาณในการดูแล ซ่อมบำรุง ขั้นบันไดดิน ประจำปี หรือ ทุกๆ 3-5 ปี หรืองบเร่งด่วน |
7. การอ้างอิงและการเชื่อมต่อ
7.1 วิธีการและแหล่งข้อมูล
- ไปเยี่ยมชมภาคสนาม การสำรวจพื้นที่ภาคสนาม
1
- การสัมภาษณ์กับผู้ใช้ที่ดิน
1
- การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้าน SLM หรือผู้ชำนาญ
2
- การเก็บรวบรวมมาจากรายงานและเอกสารที่มีอยู่
-
วันที่เก็บรวบรวมข้อมูล(ภาคสนาม) :
14/10/2018
แสดงความคิดเห็น:
More detail information is available at the Royal Project.
7.2 การอ้างอิงถึงสิ่งตีพิมพ์
หัวข้อ, ผู้เขียน, ปี, หมายเลข ISBN:
-
ชื่อเรื่อง ผู้เขียน ปี ISBN:
-
7.3 Links to relevant online information
ชื่อเรื่องหรือคำอธิบาย:
การทำขั้นบันไดดินเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ (ความลาดชัน 35-60%)
URL:
http://www.dnp.go.th/watershed/ ส่วนอำนวยการ/จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการทำขั้นบันไดดิน.pdf
7.4 General comments
-
ลิงก์และโมดูล
ขยายทั้งหมด ย่อทั้งหมดลิงก์
ไม่มีลิงก์
โมดูล
ไม่มีโมดูล